23 เม.ย. 2553

ด.เด็ก ช ช้าง...


อย่าปิดกั้นจินตนาการของเด็กนักเรียน
 .
เพียงแค่ความคิดของครูในชั่วขณะ 
 .
อาจจะเป็นการปิดกั้นเขาไปทั้งชีวิต..

8 เม.ย. 2553

King of king

จะขอ..ตามรอย..ของพ่อ
ท่องคำว่า..เพียงและพอ..จากหัวใจ

เป็นลูก..ที่ดี..ของพ่อ..
ด้วยความรัก..ด้วยภักดี..ตลอดไป..


























4 เม.ย. 2553

คำคม โทมัส อัลวา เอดิสัน(Thomas Alva Edison)

I have not failed, I've just found
10,000 ways that won't work

Thomas Alva Edison


 ผมไม่ได้ล้มเหลว..ผมแค่ค้นพบ
เส้นทางที่ยังไม่ใช่..หนึ่งหมื่นหนทางเท่านั้น..

โทมัส อัลวา เอดิสัน 

1 เม.ย. 2553

กลวิธีการสอนภาษาอังกฤษให้สนุก (กิจกรรม)




3. กิจกรรมการสอนภาษาอังกฤษ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว การเรียนรู้ในชั้นเรียนถือเป็นวินาทีที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างความรักในการเรียนภาษาอังกฤษ จะสอนภาษาอังกฤษยังไงให้เด็กๆชอบ ครูภาษาอังกฤษ 100 % ทุกคนตอบได้ค่ะ
“สอนจากสิ่งที่พวกเขารัก”

เด็กๆมีธรรมชาติแห่งช่วงวัยที่งดงาม เป็นวัยที่สดใส แสนซ่า และวัยรุ้น..วัยรุ่น ถ้าเป็นเด็กๆในช่วงประถมศึกษา ภาพที่ผู้เขียนยังจำได้ติดตา คือ คุณครูผู้สอนที่น่ารัก พยายามฝึกให้เราอ่าน ABC ด้วยความพยายามของครูเช่นกัน เมื่อครูก็พยายามเราก็พยายาม มันก็เลยพอไปได้ค่ะ พอโตขึ้นมาอีกหน่อย คุณครูก็เริ่มดุขึ้นแล้ว ท่องศัพท์ไม่ได้ ก็ตี ตี ตี ได้แต่ร้องตะโกนบอกฟ้า (ตามเพลงฮิตสมัยนั้น) ว่า “ครูขาถึงจะตียังไงหนูก็ไม่ได้อยู่ดีค่ะครู ได้โปรดอย่าทำร้ายฉัน”แล้วลองมองที่ปัจจุบันนะคะ....ลองมองที่สังคมไทย สมัยนี้ ถ้าครูสอนแบบตามมี ตามเกิด สอนเท่าที่พยายามเหมือนครั้งกระนู้น เด็กๆเขามีแรงกดดันอยู่แล้วจากสังคม มันจะไปเหลืออาไร้....
เพราะฉะนั้น ลบภาพกิจกรรมการท่องการอ่านตามตำราอย่างเดียวไปก่อนค่ะ แล้วลองอ่านตัวอย่างกิจกรรมที่เด็กๆรัก ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. เพลง การสอนให้เด็กๆร้องเพลงภาษาอังกฤษ ช่วยได้มากค่ะ เด็กๆจะได้ทั้งความสนุกสนาน เพลิดเพลินและจะคุ้นเคยกับการใช้สำเนียงภาษาอังกฤษโดยไม่เคอะเขิน แถมด้วยการโยกย้ายส่ายสะโพกตามเพลงซะด้วย สุดยอดเลยค่ะ พอร้องเพลงแล้ว ต้องรีบฉกฉวยโอกาสทองในการทบทวนคำศัพท์ทั้งหมดที่ได้เรียนไปค่ะ
2. เกม การเล่นเกมภาษาอังกฤษ สามารถมัดใจของเด็กๆได้อยู่หมัดเลยนะคะ มีเกมภาษาอังกฤษที่ผู้เขียนใช้แล้วประสบความสำเร็จมาก ส่วนชื่อเกมอาจจะปรับเปลี่ยนได้แล้วแต่ครูผู้สอน ดังนี้ค่ะ
-Spin the bottle เป็นเกมที่เหมาะกับการฝึกทักษะการถาม – ตอบภาษาอังกฤษ โดยเด็กๆนั่งเป็นวงกลม ครูเดินเข้าไปกลางวงและเริ่มหมุนขวด เมื่อปลายขวดชึ้ไปที่ใครให้เด็กคนนั้นตอบ ครูตั้งคำถาม เช่น “ What is your favorite food” แล้วเปลี่ยนคนที่ตอบแล้วมาถามคนถัดไปจนครบทุกคน หรือปรับได้ตามความเหมาะสมของเวลาค่ะ
- Listen and take เป็นเกมสนุกๆ เหมาะกับการฝึกทักษะการอ่านและฟังค่ะ โดยครูและเด็กๆช่วยกันวางคำศัพท์บนพื้น หรือติดคำศัพท์ไว้บนกระดาน แล้วแบ่งเด็กออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาเล่นเกม ครูอ่านคำศัพท์และให้ผู้เล่นหยิบคำศัพท์ให้ตรงกับที่ครูอ่าน ใครหยิบได้ก่อนเป็นผู้ได้คะแนนค่ะ เด็กๆสามารถเล่นได้จนครบทุกคนค่ะ
- Listen and write เป็นเกมที่เหมาะกับการฝึกทักษะการฟังและการเขียนค่ะ โดยครูอ่านคำศัพท์และให้ผู้เล่นเขียนคำศัพท์ให้ตรงกับที่ครูอ่าน ซึ่งถ้าเป็นคำศัพท์ที่ยากเกินไป ครูอาจจะเขียนตัวอักษรบางตัวให้ค่ะ เด็กๆจะได้รู้สึกอยากล่นมากขึ้น เกมนี้ถ้าจัดเป็นกลุ่มจะดีมากค่ะ
- Listen and circle เป็นเกมสนุกๆ เหมาะกับการฝึกทักษะการอ่านและฟังค่ะ โดยครูและเด็กๆช่วยกันเขียนคำศัพท์ไว้บนกระดาน แล้วแบ่งเด็กออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาเล่นเกม ครูอ่านคำศัพท์และให้ผู้เล่นวงกลมคำศัพท์ให้ตรงกับที่ครูอ่าน ใครวงกลมได้ก่อนเป็นผู้ได้คะแนนค่ะ เด็กๆสามารถเล่นได้จนครบทุกคนค่ะ
- Hang Man เกมต้นตำรับที่ท้าทาย ตื่นเต้น และฝึกทักษะการเขียนได้ดีมากค่ะ
- Hot Ball เป็นเกมที่เด็กชื่นชอบ เพราะนอกจากจะได้เล่นลูกบอลสนุกๆแล้ว ยังได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนๆ วิธีการเล่น คือ ผลัดกันโยนลูกบอลโดยสมมติให้เป็นลูกบอลที่ร้อนที่สุด ใครได้รับพยายามแต่งประโยคภาษาอังกฤษ หรือบอกคำศัพท์ตามโจทย์ที่ได้รับ ถ้านึกไม่ออกก็ส่งบอลให้เพื่อนก่อน แต่ห้ามส่งบอลโดยที่ไม่ตอบอะไรเลยเกิน 3 ครั้งค่ะ ไม่อย่างนั้นต้องเข้ามากลางวงร้องและเต้นเพลงให้เพื่อนๆได้หัวเราะก่อนเรียนนะคะ
- Music Ball เป็นเกมที่เด็กชื่นชอบเช่นกันค่ะ วิธีการเล่น คือ ครูจะเปิดเพลงให้เด็กๆผลัดกันส่งลูกบอลไปตามเพลงด้วยความสนุกสนาน ถ้าเพลงหยุดที่ใครให้แต่งประโยคภาษาอังกฤษ หรือบอกคำศัพท์ตามโจทย์ที่ได้รับ
- Snap เป็นเกมที่ฝึกทักษะการอ่านและเขียนคำศัพท์ เกมนี้เหมาะกับการเล่นในเวลาพัก เช่น หลังจากทำงานเสร็จ วิธีการเล่น คือ จับคู่ แล้วนำบัตรคำศัพท์มาวางตรงกลาง (คว่ำด้านคำศัพท์ลง) เมื่อพร้อมแล้วให้สัญญาณ ใครเอามือวางทับบัตรคำ (ตะครุบ)ได้ก่อนเป็นผู้ได้บัตรคำและ ให้ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามสะกดคำศัพท์นั้น ถ้าสะกดถูกต้องจะได้บัตรคำศัพท์นั้นไป

3. สื่อมัลติมีเดีย เป็นการเพิ่มทางเลือกในการเรียนภาษาอังกฤษได้ดีมาก ทุกวันนี้มี Website สำหรับนักเรียน นักศึกษาที่น่าสนใจมาก เด็กๆสามารถฝึกออกเสียงได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา พร้อมกับชมภาพสวยๆ น่ารักๆนอกจากนั้นยังมีเกมที่น่าสนใจอีกมากมายค่ะ

4. หนังสือ เพื่อนที่ดีที่สุดของเด็กๆ คือ หนังสือค่ะ ครูอาจจะเลือกหนังสือมาอ่านให้เด็กๆฟัง แล้วทบทวนคำศัพท์หลังการอ่าน ถ้าเป็นเด็กโต ก็อาจจะให้เด็กๆเลือกเรื่องที่ชอบมาอ่านให้ครูและเพื่อนๆฟัง แล้วตั้งคำถามตอบเพื่อนก็ได้ค่ะ
5. งานศิลปะ การที่เด็กๆได้ทำชิ้นงานศิลปะ เช่น งานฝีมือ การวาดภาพระบายสี ฯลฯ เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆมีความสุขมากค่ะ ในขณะเดียวกันคุณครูสามารถสอนภาษาอังกฤษไปพร้อมๆกับการทำกิจกรรมนั้นด้วย เป็นการศึกษาแบบบูรณาการที่ดีมาก

กลวิธีการสอนภาษาอังกฤษให้สนุก (ครูผู้สอน)





คนที่จะเรียนภาษาอังกฤษได้ดีนั้น จำเป็นต้องมีความชอบ ความใส่ใจ รวมทั้งเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการเรียนภาษาอังกฤษ โดยผู้เขียนได้ศึกษาจากเอกสาร ตำรา จากผู้รู้และจากประสบการณ์ตรง ซึ่งสามารถรวบรวมได้ ดังนี้
1. ครูผู้สอน ครูเป็นปัจจัยอันดับแรกที่มีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก คือ องค์ประกอบของครู ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ท่าที น้ำเสียง อารมณ์และความรู้สึก เด็กๆเขาสามารถสัมผัสได้นะคะ ว่าครูมีสภาวะอารมณ์แบบใดในการสอน เพราะฉะนั้น การที่ครูมีท่าที ยิ้มแย้ม แจ่มใส และเป็นมิตร ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งและส่งผลต่อการเรียนรู้ของพวกเขา ภาวะที่ผ่อนคลาย การเริ่มต้นที่ดี หรือที่เรียกว่า (First Impression) เป็นความประทับใจครั้งแรก สามารถโน้มน้าวสะกดให้เด็กๆหลงใหล แล้วครูก็ร่ายมนต์ เอ๊ย ! ไม่ใช่ค่ะ ครูสามารถสร้างข้อตกลงร่วมกับเด็กๆได้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนในห้องเรียน เช่น
- Don’t shout in class. (อย่าตะโกนในห้องนะคะ)
- Please raise your hand before speak .(เด็กดีช่วยยกมือก่อนพูดนะคะ)
- Attention please. (ตั้งใจหน่อยนะคะลูก)
ส่วนการพูดคุยในเรื่องความสำคัญของภาษาอังกฤษ ต้องค่อยๆสร้าง ค่อยๆให้ไปค่ะ ไม่ใช่บุ่มบ่ามใส่ข้อมูลเข้าไป เดี๋ยวเด็กๆจะกระเจิดกระเจิงไปเปล่าๆ พยายามพูดคำหรือประโยคง่ายๆ สั้นๆ และเป็นคำพูดที่สร้างสรรค์ เช่น
- Don’t give up. (อย่ายอมแพ้นะคะ)
- Chill out (ใจเย็นๆค่ะ)
- Good Job (ดีมากค่ะ)
- Fantastic (วิเศษมาก)
- Try again (พยายามอีกครั้งค่ะ)
การใช้ภาษาอังกฤษใน class อาจจะส่งผลให้เด็กๆงงเป็นไก่ตาแตกนะคะว่า คุณครูพูดอะไรหนอ , คุณครูขาช่วยหนูหน่อยค่ะ สิ่งที่ทำได้คือ พยายามไม่ตกอกตกใจเกินไปนะคะ ครูต้องเข้าใจเด็ก และเด็กๆก็ต้องเข้าใจคุณครูด้วยนะคะ ครูสามารถใช้ภาษากาย (Body Language) อธิบายแทนการใช้ประโยคภาษาไทยด้วยก็ได้ แต่ถ้าเด็กๆยังคงมึนตึ๊บ ก็ใช้ภาษาไทยแทรกได้ค่ะ ไม่ว่ากัน
และขอย้ำนะคะไม่ว่าครูจะแต่งหน้าแต่งตัวดูดีแค่ไหน แต่ถ้าหัวใจยังมืดมิด เด็กๆเขาก็ยังคงมืดตึ๊บกับการเรียนภาษาอังกฤษค่ะ หัวใจและความเมตตาต่อเด็กๆค่ะสำคัญที่สุด