19 ก.พ. 2559

เรื่องเล่าจากหนังสือ “กระเป๋าเดินทางของฮันนา”

ชื่อกิจกรรม: เรื่องเล่าจากหนังสือ “กระเป๋าเดินทางของฮันนา”
เป้าหมาย: เพื่อฝึกสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ได้ฟัง สามารถตีความหมายของคำและเรียงลำดับเรื่องราวต่างๆได้   มีมุมมองการคิดพร้อมทั้งพูดนำเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจ สามารถเชื่อมโยงตนเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างมีวิจารญาณ
ขั้นเตรียม: ครูให้เด็กๆ หยิบปากกาคนละ 1 แท่ง ก่อนนั่งวงกลม
นักเรียนนั่งวงกลม/ครูเปิดเพลง สปาคลอเบาๆ จากนั้นครูให้ทุกคนหลับตา กำกับสติ
รับรู้ลมหายใจของตนเอง หายใจเข้ารับรู้ได้ว่าท้องยุบ หายใจออกรับรู้ได้ว่าท้องพอง ประมาณ 2 นาที

ขั้นกิจกรรม:
   ครูพาเด็กๆ สงบในจิตใจด้วยการทำสมาธิสั้นๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว และคุณครูเล่าถึงความหลังครั้งที่แต่ละคนได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือกระเป๋าเดินทางของฮันนา มาก่อนหน้านี้แล้วในกิจกรรมBody scan ตอนนี้ทุกคนได้ทบทวนความเข้าใจกับเรื่องราว

     โดยคุณครูช่วยจัดระบบ ไล่เรียงความเข้าใจใหม่เพื่อให้เด็กๆ เข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในโตเกียว /โนเว เม็สโท  ที่ในหนังสือพยายามเล่าถ่ายทอดเรื่องราวเด็กๆ หญิงตัวเล็กๆ ให้เห็นเส้นทางการเกิดสงครามโลกครั้งที่ ของกองทัพนาซี
     จากนั้นคุณครูแจกกระดาษครึ่งA4 ให้นักเรียนทุกคน ร่วมเข้าถ่ายทอดผ่านFlow chart เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของฮันนาที่ละขั้นก่อนถึงเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง
  ครูให้เด็กๆ แยกย้ายเขียนถ่ายทอดในเวลา 10 นาที ก่อนที่พี่ๆ จะนำมาถ่ายทอดซึงกันและกันเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความเข้าใจผ่าน Flow chart
_ครูช่วยอำนวยกิจกรรมด้วยความรื่นรมย์ของบรรยากาศการนำเสนอของแต่ละๆ คน.

ขั้นจบ:
ครูเล่าถึงแง่คิดที่ครูได้สัมผัสถึงพลังจากหนังสือกระเป๋าเดินทาของฮันนา เพื่อเติมเต็มความเข้าใจและให้นักเรียนแสวงหาประวัติศาสตร์ต่อจากหนังสือเล่มนี้
ครูและนักเรียนของคุณซึ่งกันและกัน ด้วยความเคารพ

10 ก.พ. 2559

ปรนนิบัติสถานที่ (ปฏิบัติการแห่งรัก)

ชื่อกิจกรรม : ปรนนิบัติสถานที่ (ปฏิบัติการแห่งรัก)
เป้าหมาย : 
- เพื่อฝึกสมาธิจดจ่อ กำหนดลมหายใจ เห็นค่าทุกสรรพสิ่ง และมีจิตใหญ่
- ฝึกการสังเกต จดจ่อ รู้ตัว มองเห็นความสัมพันธ์และเชื่อมโยงตนเองกับสิ่งต่างๆ
สื่อ/อุปกรณ์ : ไม้กวาดทางมะพร้าว, บุ่งกี่, เพลงสปา, แผ่นกระดาษ, ปากกา
กระบวนการดำเนินกิจกรรม : เริ่มหลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ นักเรียนเดินกำกับสติเข้าห้องแล้วยืนรอบขอนไม้ตัวยู (หน้าบริเวณมัธยมฯ)

ขั้นเตรียม :
- ครูและนักเรียนสวัสดีทักทายแสดงความเคารพซึ่งกันและกัน
และครูให้นักเรียนกลับมาอยู่กับตนเอง รับรู้ที่ลมหายใจ 4-5 ลมหายใจ ด้วยความใครครวญ

ขั้นกิจกรรม :
- ครูเล่าเรื่องราวบริเวณโดยรอบมัธยมฯ ที่มีคุณลุงดูแลพื้นที่ทุกจุดของบริเวณมัธยมฯ และพูดโน้มน้าวให้นักเรียนตระหนักเห็นความสำคัญของการปรนนิบัติสถานที่
- ครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นกับสิ่งที่ตนเองเคยทำและสิ่งที่อยากทำให้มากกว่าที่เคยทำอยู่
- จากนนั้นครูให้โจทย์นักเรียน “ครูให้พี่ๆ แยกย้ายดูแลพื้นที่โดยรอบบริเวณต่างๆ อย่างใคร่ครวญ และให้เราแต่ละคนสังเกตบริเวณนั้นก่อนทำและหลังทำ ให้เวลานั่งเฝ้ามองครุ่นคิดกับจุดๆ นั้น ก่อนกลับมารวมกันที่ใต้บ้าน ม.1 นะครับ” ให้เวลาประมาณ 8 นาที (ก่อนแยกย้ายครูเตรียมไม้กวาดและบุ่งกี่ ไว้เตรียมให้)
- ระหว่างที่นักเรียนปรนนิบัติสถานที่ครูเดินคอยช่วยเอื้ออำนวยกิจกรรม เฝ้าสังเกต
- เมื่อครบเวลาที่กำหนดนักเรียนเก็บอุปกรณ์ แล้วมารวมที่บ้าน ม.1 เมื่อนักเรียนมาจนครบ ครูให้นักเรียนทุกคนกลับมาอยู่กับตัวเอง
- ครูใช้คำถามกระตุ้นการคิด “จากระยะเวลาสั้นที่นักเรียนได้ดูแลสถานที่ช่วยคุณลุง พี่ๆคิดว่าจากกิจกรรมแต่ละคนได้เรียนรู้อะไรบ้าง? เราแต่ละคนรู้สึกอย่างไร?”

- นักเรียนแต่ละคนร่วมเขียนถ่ายทอดแสดงความคิดเห็น
ครูช่วยอำนวยกิจกรรมและใช้คำถามกระตุ้นการคิดตามเห็นควรตามความเหมาะสม ของจังหวะเรื่องเล่าความรู้สึกของนักเรียนคนนั้นๆ
ช่วยคุณครูติดชิ้นงานไว้ที่บอร์ด เพื่อร่วมอ่านแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเพื่อนๆ

ขั้นจบ :
- คุณครูชื่นชมEmpower ชื่นชมความตั้งใจของนักเรียนทุกคน ที่มอบพลีงความปรารถนาดีต่อมวลสรรพสิ่ง
- ครูและนักเรียนขอบคุณซึ่งกันและกันโดยการทำความเคารพ

2 ก.พ. 2559

สอนศิษย์ผ่านนิทาน 'จีนกับใบมะขาม'

       หลายวันก่อนผมชวนนักเรียนพูดคุยความรับผิดชอบและการตระหนักรู้ถึงภาระงานของตนเองและผู้อื่น มองให้เห็นคุณค่างานที่ทำ ความหมายของชีวิต
..ครูขอหยิบยกนิทานเรื่อง -จีนกับใบมะขาม- ซึ่งมีหลายคนเขียนถ่ายทอดไว้น่าสนใจ และมีตัวอย่างใน YouTube อีกด้วย..

"โกย้งกับโกผงเป็นชาวจีนสองคนเพื่อนตายที่หาเช้ากินค่ำในเมืองจีน ชีวิตในหมู่บ้านของพวกเขาแร้นแค้นมาก ทั้งสองมักอดๆ อยากๆ วันหนึ่งโกย้งบอกโกผงว่า "เราทั้งสองจงเดินทางไปเมืองไทยเถิด ได้ยินคำร่ำลือว่า แผ่นดินนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อุดมด้วยเรือกสวน พืชผักผลไม้บริบูรณ์"
โกผงถามว่า "เราสองคนจะทำอะไรกิน" 
โกย้งตอบว่า "เรามีสองมือสองเท้า จะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่เราขยันขันแข็ง มีหรือจะอดตายในแผ่นดินอุดมสมบูรณ์เช่นนั้น" 
ทั้งสองใช้เงินก้อนสุดท้ายเป็นค่าเดินทาง เรือสำเภาดั้นด้นฝ่าคลื่นลมจากเมืองจีนมาถึงจุดหมาย และขึ้นฝั่งทางภาคใต้ของไทย 
โกย้งมองไปรอบตัว ยิ้มบอกว่า "เราไม่อดตายแล้ว ที่นี่เป็นสวรรค์โดยแท้"
โกย้งกับโกผงตัดสินใจแยกทางกันไปทำมาหากิน เพราะเห็นว่าการแยกกันไปทำงานคนละอย่างจะเพิ่มโอกาสในการสร้างตัว ทั้งสองสัญญากันว่า หากใครประสบความสำเร็จก่อน จะช่วยเหลืออีกคน นัดหมายกันว่าอีกสองปีมาเจอกันที่ท่าเรือ 
เมื่อแยกทางกันแล้ว โกผงก็ทำงานจิปาถะตามสบาย เนื่องจากเมื่อไม่มีกิน ชาวบ้านก็มักเอื้อเฟื้อมอบอาหารให้ ผลหมากรากไม้ก็หาง่าย อีกทั้งอากาศทางภาคใต้ก็เย็นสบาย ฝนตกปรอยชุ่มชื้นเสมอ โกผงจึงใช้ชีวิตตามสบาย เมื่อได้เงินมาก็หยุดทำงานนอนเล่นไปวันๆ ใช้เงินหมดเมื่อใดค่อยตะเกียกตะกายไปหางานทำ 
เวลาผ่านไปสองปี โกผงก็ยังมีสภาพยากจนเช่นเมื่อสองปีก่อน โกผงเดินทางไปที่จุดนัดพบ เขาเห็นโกย้งในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม โกย้งกลายเป็นเศรษฐี นั่งรถม้า มีคนขับรถ คนรับใช้หลายคนคอยปรนนิบัติ 
โกย้งเล่าว่า เมื่อแยกทางมา เขาก็ทำงานทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน เก็บหอมรอมริบอย่างอดทนจนได้เงินก้อนหนึ่ง นำไปลงทุนซื้อสวนใหญ่ปลูกมะขามและผลไม้อื่นๆ กิจการดีขึ้นตามลำดับ 
เมื่อรู้ว่าเพื่อนของตนไม่มีงานทำ โกย้งก็บอกให้โกผงไปทำงานกับตน โกผงทำงานที่ใหม่ นอกจากไม่ได้เปลี่ยนนิสัยทำงานวันหยุดสองวันแล้ว ยังแย่กว่าเดิม หยุดงานนานครั้งละหลายๆ วัน 
เมื่อโกย้งถามว่าทำไมเขาไม่ทำงาน โกผงตอบว่า "แกรวยแล้ว ทำไมต้องทำงานหนักอีก ไม่จำเป็นต้องทำงานก็อยู่สบายไปตลอดชีวิตได้" 
โกย้งสังเกตเห็นเพื่อนของตนเปลี่ยนไปเช่นนั้น ก็มิได้ว่ากล่าวแต่ประการใด บอกเพื่อนว่า "ถ้าเช่นนั้น ฉันจะให้แกไปทำงานง่ายๆ" 
โกผงถามว่า "งานอะไร" 
"รูดใบมะขามออกจากต้น เริ่มจากต้นเล็กก่อน" 
โกผงรับปากด้วยความยินดีที่ได้ทำงานเบาสบายกว่าเดิม โกผงรูดใบมะขามออกหมดต้นในสองสามวัน ไม่นานต้นมะขามนั้นก็เฉาตาย 
โกผงรูดใบไม้จากต้นใหม่ต่อไป ครั้งนี้ใช้เวลารูดนานขึ้นเป็นอาทิตย์ เพราะเป็นต้นขนาดกลาง มะขามต้นนั้นไม่ตาย แต่ก็ใช้เวลาฟื้นตัวนานหลายอาทิตย์ 
เมื่อรูดใบหมดต้น โกผงก็ไปรูดใบจากต้นมะขามใหญ่ ครั้งนี้กินเวลานานเป็นเดือนก็ไม่หมดสักที เพราะเมื่อรูดใบหมดไปส่วนหนึ่ง ต้นมะขามก็ผลิใบใหม่ออกมา โกผงรู้สึกเหนื่อยจึงนั่งพักที่โคนต้นมะขาม สายตามองดูใบไม้ที่ถูกรูดร่วงโรยรายบนพื้น 
เขานั่งคิดว่า ทำไมจึงไม่สามารถรูดใบไม้ทั้งหมดลงมาได้ ทั้งๆ ที่สองต้นแรกใช้เวลาเพียงไม่นาน เขานึกถึงตัวเองที่ทำงานวันเว้นวัน เงินหมดอย่างรวดเร็ว 
คนที่ทำงานหนักได้เงินทองมาสะสมมากมาย ก็เหมือนมะขามใหญ่ รูดใบไม้ออกไปเท่าใดก็ไม่มีวันหมด ส่วนคนที่ขี้เกียจทำงานเช่นเขา มีเงินทองเล็กน้อย รูดใบไม้ไม่กี่วันก็หมดเกลี้ยง ไม่นานก็เฉาตายไป เขารู้แล้วว่าโกย้งมอบงานนี้ให้เขาทำเพื่อให้เขารู้จักคิด เขารู้สึกละอายใจ 
โกผงกลับไปหาโกย้ง ขอทำงานที่ยากขึ้น คราวนี้เขาทำงานทุกวัน และไม่นานก็มีฐานะที่ร่ำรวย ยืนหยัดได้เหมือนมะขามใหญ่ต้นนั้น"
Ex--คลิปVDO
ก่อนปิดท้ายผมถามถึงความรู้สึกจากเด็กๆ เกี่ยวกับเนื้อเรื่องดังกล่าว..
                  WHAT?          WHY?           HOW?