19 ต.ค. 2554

ปรัชญาชีวิต ข้อคิดให้ตื่นรู้ ใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างมีความหมาย

  ผมบอกตัวเองทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ว่าตัวของผมโชคดีขนาดไหนแล้ว ที่ตื่นขึ้นมาเรายังมีลมหายใจ ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ากับทุกสรรพสิ่งที่รายรอบตัวอีกวัน
มีคนเคยบอกผมไว้ว่า การตื่นนอนครั้งแรกเป็นการตื่นรู้ ถ้าหากเราตื่นขึ้นมาแล้ว อันดับแรกที่เราควรทำคือ ให้เราลุกขึ้นมาจากเตียงนอนอย่างปิติสุขใจ ถ้าหากเราตื่นแล้วพยายามนอนต่อ การตื่นนอนอีกครั้งนั้นร่างกายเราจะรู้สึกอ่อนเพลียไม่อยากลุก ไม่กระปรี้กระเปร่า ขาดความสดชื่น เพราะร่างกายของเราพักนานเกินความต้องการของร่างกายเรา พอตื่นนอนให้เดินออกไปยืนอยู่ตรงหน้ากระจก แล้วส่งยิ้มให้ตัวเองด้วยใจสานใจ(ถ้าไม่ได้ก็ต้องพยายามฝืนมันให้ยิ้มให้ได้!) วันนั้นจะเป็นวันที่สดใสของเราอีกวันหนึ่ง หรืออีกกรณีหนึ่งผมได้ฟังมาจากท่าน ว.วชิรเมธี ทุกครั้งที่เราตื่นนอนรู้สึกตัว ให้บอกตัวเองว่า 'วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต' ให้เรารู้จักความตาย นำด้านดีของความตายมาเป็นแรงพลักให้ชีวิตเราขับเคลื่อนไปด้วยความหมาย ให้ระลึกเสมอว่าชีวตเราคุ้มค่าขนาดไหนที่ได้มีลมหายใจ
  ตอนนี้ผมอายุ 25 ปี ผมเริ่มสนใจการอ่านหนังสือมาเกือบ 2 ปี ช่วงชีวิตที่ผ่านมา 23 ปี ผมไม่ได้สูญเสียโอกาสในการอ่านหนังสือเลย แต่ผมกลับคิดว่าตัวของผมโชคดีที่ได้ผ่านอุปสรรคมามากมาย ได้เรียนรู้เพื่อก้าวผ่านมัน จนกระทั่งได้พานพบเจอความสำเร็จมากมาย และผมก็ได้เรียนรู้เพื่อก้าวผ่านมัน
  ผมอ่านหนังสือแล้วเจอประโยคดลใจ จากบุคคลของโลกในอดีตหรือยังมีชีวิตดำรงอยู่ ผมจะเขียนประโยคที่ชอบ แล้วสรุปสิ่งที่ได้เก็บไว้ในสมุดบันทึกของผม เพื่อนำมาทบทวนมาปรับใช้ นำมาสานต่อให้เกิดประโยชน์
'การแสวงหาความสุขให้ตนเอง คือ การค้นพบหาทนทางอันมีคุณค่ายิ่งให้กับตัวเอง ถ้าเรามีความสุขเป็นต้นเหตุของความสุขหรือการทำให้คนอื่นเชื่อว่าตัวเขาเอง เป็นต้นเห็ตุของความสุข นั่นแหละคือ เคล็ดลับของความสุข'
ทุกประโยคดลใจเหล่านี้ มีคุณค่ายิ่งที่หลายๆคนอ่านแล้ว อาจจะเป็นประโยคคลิ๊กหรือปลดล็อก ให้ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่งอกงาม..

     ลีโอ ตอลสตอย หรือ Count Leo Nikolayevich Tolstoy นักเขียนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเพชรน้ำเอกแห่งวรรณกรรมโลก มีผลงานอันเป็นอมตะ คือ สงครามและสันติภาพ (War & Peace) แอนนา คาเรนินา (Anna Karenina) คนกับนาย : (Master And Man) ความตายของอีวาน อิลลิช (The Death of Ivan Ilyich)
 ตอลสตอย เคยเขียนตั้งคำถามให้คิดไว้ว่า..
'ใคร คือ คนสำคัญที่สุด
งานใด คือ งานสำคัญที่สุด
เวลาใด คือ เวลาที่ดีที่สุด'
  ตอลสตอย ตั้งคำถามนี้ผ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งและตอนท้ายสุดเขาก็เฉลยไว้ว่า..
"คนสำคัญที่สุด คือ คนที่อยู่เบื้องหน้าเรา
งานสำคัญที่สุด คือ งานที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้
เวลาสำคัญที่สุด คือ เวลาปัจจุบันขณะ"

   หลายครั้งที่ผมได้มีโอกาสไปนั่ง วงสนทนากับผู้รู้มากมายหลายท่านล้วนแล้วแต่เกิดประโยชน์มากมายเกินกว่าที่ผม จะไปแสวงหาอ่านจากหนังสือหรืออินเตอร์เน็ตได้..

     วันนั้นในวงสนทนาผมได้ฟังเรื่องนั่งวิ่งมาราธอนคนหนึ่งซึ่งเราไม่มีใครทราบ ชื่อเขาแน่ชัดกันเลย แต่รู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชนะเลิศและเขาก็ไม่ได้ทำลายสถิติใดๆ เลยในการแข่งขัน เขามาถึงเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายด้วยซ้ำและเพราะเหตุนั้นโลกถึงต้องจารึกเขาไว้ ในประวัติศาสตร์
    พอผมกลับมาถึงห้องผมก็เปิดอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอ่าน ผู้เขียนคือ 'พระไฟศาล วิสาโล' เขียนเกี่ยวกับนักวิ่งคนนี้พอดี เขาคือ 'จอห์น สตีเฟน อัควารี' เขาเป็นตัวแทนประเทศแทนซาเนีย เขาวิ่งฝ่าความมืดมายังสนามกีฬาอย่างกะโผลกกระแผลก ขาข้างขวาของเขาอาบนองไปด้วยเลือดและพันด้วยผ้าพันแผล
    เขาเป็นนักวิ่งมาราธอน แต่เหรียญทองโอลิมปิกปี พ.ศ.2511 ได้มอบแก่ผู้ชนะไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ผู้ชมเริ่มทยอยกลับบ้านกันไปเกือบหมดจนสนามแทบร้าง แต่เขาก็ยังอุตส่าห์พาสังขารมาถึงเส้นชัยในที่สุด..

ต่อมาได้มีผู้สื่อข่าวเข้ามาถามเขาว่า เหตุใดเขาจึงไม่หยุดวิ่งทั้งๆ ที่ไม่มีโอกาสที่จะชนะแล้ว
เขาวิ่งมาเหนื่อยๆ งุนงงสักพัก แล้วตอบไปว่า
"ประเทศของผมไม่ได้ส่งผมมาเพื่อออกสตาร์ท แต่ส่งผมมาเพื่อวิ่งให้สำเร็จ"


โทมัส เอดิสัน นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
เคยกล่าวเาไว้ว่า..
"ข้าพเจ้าไม่เคยทำสิ่งใดที่มีค่าได้สำเร็จ โดยเหตุบังเอิญเลยแม้สักชิ้นเดียว เมื่อข้าพเจ้าตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำสิ่งใดที่จะได้รับผลสำเร็จที่มีค่าแล้ว ข้าพเจ้าจะตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งนั้น ทดลองแล้วทดลองเล่า จนประสบผลสำเร็จในที่สุด"
 ครั้งหนึ่งผู้ช่วยของเอดิสัน 2 คน พากันตัดสินใจเดินเข้ามาบอกเอดิสันด้วยความท้อใจว่า..
"เราทดลองมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 700 แล้ว เราก็ยังไม่ประสบความสำเร็จกันเลย เราน่าจะหยุดทดลองต่อกันได้แล้ว"
เมื่อได้ฟังดังนั้น เอดิสันก็ตอบผู้ช่วยทั้ง 2 คน นั้นไปว่า
"ยัง! เรายังไม่ได้ล้มเหลว เพราะเราได้เรียนรู้แล้วว่าอะไรผิด ภ้าเราทำครั้งใหม่ เราจะไม่ทำซ้ำกับ 700 ครั้งที่เราล้มเหลว เรากำลังจะถึงเป้าหมายของการทำงานของเราแล้ว" และอีกไม่นานโทมัส เอดิสัน กับผู้ช่วยก็พากันทดลองจนประสบผลสำเร็จในการค้นคว้าของเขา


โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ นักวิ่งชาวอังกฤษ..
  เขาเป็นคนแรกในโลกที่วิ่งระยะทางหนึ่งไมล์ ด้วยเวลา 3.59 นาที ความสำเร็จของเขามีไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เดี๋ยวนี้มีนักวิ่งมากมายที่ใช้เวลาน้อยกว่าเขาเสียอีก แม้กระทั่งชัยชนะของเขาเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว ก็ยังควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้เพราะเขาได้ทำลาย 'กำแพง' ที่ขวางกั้นมนุษย์มาช้านาน
 เป็นเวลาหลายพันปีที่ผู้คนเพียรพยายามวิ่ง 1 ไมล์ โดยใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ จนเกิดเป็นความเชื่อฝังใจว่ามนุษย์เรามีขีดจำกัดเพียงแค่นี้ ไม่มีทางที่เราจะข้ามพ้นกำแพงดังกล่าวได้ แต่แบนนิสเตอร์ได้พิสูจน์ว่า มนุษย์เรามีศักยภาพมากกว่านั้นและกำแพงดังกล่าวที่แท้จริงเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง หลังจากกำแพงดังกล่าวถูกแบนนิสเตอร์ทำลายลงไป นักกีฬาคนแล้วคนเล่าก็ทยอยทำลายสถิติการวิ่ง จนดูราวกับว่าศักยภาพของมนุษย์เราจะไม่มีขีดจำกัด ขอเพียงแต่ไม่สยบยอมต่อกำแพงในใจเท่านั้น
  ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้นไม่ได้อยู่ที่การเนรมิตประดิษฐกรรมอันน่าอัศจรรย์ หรือการกู้ชาติสร้างประเทศเสมอไป การบันดาลใจให้ผู้คนก้าวข้ามพ้นขีดจำกัดของตนเอง ก็เป็นคุณูปการสำคัญต่อโลกเช่นกัน
 นี่แหละคือผลงานอันทรงคุณค่าของ แบนนิสเตอร์ ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ 
ปิดท้ายในตอน 'ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่' ตอนสุดท้ายแบนนิสเตอร์กล่าวไว้งดงามมากครับ..
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพมากมายเหลือประมาณ
แถมยังพัฒนาให้เพิ่มพูนขึ้นได้
แต่ศักยภาพดังกล่าวไม่ค่อยถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่
เพียงเพราะความเชื่อว่า 'ฉันทำไม่ได้'
 
 
 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก..
       ไอน์สไตน์เป็นคนไม่หลงใหลไปกับคำสรรเสริญเยินยอ ชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่สนใจทัรพย์สินเงินทอง ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรที่ทรัพย์สินในเยอรมนีที่ถูกพวกนาซียึดไปจนหมด
    วันที่เขาย้ายไปดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ในสหรัฐฯ จำนวนเงินเดือนที่เขาเรียกร้องในแบบฟอร์มน้อยกว่าเงินเดือนของนักการภารโรงที่นั่นเสียอีก..
เขาเคยเขียนไว้ว่า..
'ที่ผมมีความสุขอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะผมไม่เคยอยากได้อะไร ไม่สนใจเงินทอง ตำแหน่ง คำยกย่อ เหรียญประดับหรืออำนาจเกียรติยศใดๆ สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข คือ การได้ทำงาน การสีไวโอลิน และการเล่นเรือใบ'

กิอาดีนี นักไวโอลีนที่ยิ่งใหญ่
ครั้งหนึ่งมีคนถามเขาว่า..
"คุณใช้เวลาฝึกไวโอลินนานแค่ไหน จึงสามารถเล่นไวโอลินได้ดีถึงเพียงนี้"
เขาตอบว่า..
"ข้าพเจ้าฝึกวันละ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 20 ปี"

 
คริสโตเฟอร์ รีฟ 
เขาเป็นผู้ชายที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุดในบท 'ซุปเปอร์แมน' บนจอจอเงิน ประสบอุบัติเหตุจากหลังม้า ทำให้เขากลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ลำคอลงมา เขาเคยกล่าวไว้ว่า..
"ความฝันของเรามากมายดูเป็นไปไม่ได้ในทีแรก แล้วมันดูเหมือนไม่น่าจะเกิดขึ้น และแล้วเมื่อเรามุ่งมั่นแน่วแน่ ในมิช้ามักก็กลายเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นจริง"
 
มหาตะมะ คานที นักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ชาวอินเดีย 
เคยกล่าวเอาไว้ว่า..
"ความสำเร็จของคนเรา ไม่ได้อยู่เมื่อเราไปถึงเป้าหมาย แต่อยู่ระหว่างความพยายามที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย ยิ่งความพยายามทุ่มเทลงไปมากเท่าไร ความยิ่งใหญ่ยิ่งมากเท่านั้น"

   วินเลียม เจมส์ นักปรัชญาเอกผู้ยิ่งใหญ่..
เคยกล่าวประโยคหนึ่งที่งดงามมาก ไว้ว่า..
"มนุษย์ส่วนใหญ่ ถูกโปรแกรมให้รู้สึกเหนื่อย เมื่อถึงเวลาเหนื่อย มนุษย์เราใช้พลังน้อยกว่าที่มีอยู่จริง หากคุณผลักความเหนื่อยออกไปสักนิด คุณจะได้งานมากกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ"

   ความยากลำบากของอุปสรรคเป็นด่านที่ขวางทางเราทุกคน ช้าหรือเร็วก็ต้องพานพบมัน มนุษย์เราพานพบอุปสรรคทุกวัน คนที่พ่ายแพ้ คือ คนที่ใจยอมแพ้ก่อนที่จะสู้กับความเจ็บปวด ความขมขื่น ถ้าหากเรามองอุปสรรคเห็นคุณค่าของมัน เป็นพลังนำมาล่อเลี้ยงหัวใจ ให้เป็นพลังขับเคลื่อนของชีวิต คนชนะไม่ได้ชนะเพราะเก่งกว่า แต่เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม..
   คนทุกคนย่อมมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน เราจึงไม่ควรสร้างปมด้อยให้กับตัวเอง ด้วยการเปรียบเทียบชีวิตของตนเองกับชีวิตของผู้อื่น ให้เราคิดเสมอว่าตัวเรานี่แหละคือ ของจริง
  จงมองโลกตามสภาพความเป็นจริงที่มีทั้งความดีและความเลว มีนักบุญและคนบาป
ถ้าหากเรามองทุกสิ่งชัดเจน เราจะเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...

1 ความคิดเห็น: