23 พ.ย. 2557

พิธีกร(ดิว)ที่ไร้เสียง

       วันนี้มีการประชันความสามารถของเด็กๆ มัธยม แต่ละระดับชั้นต่างกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการซ้อม การแสดงแต่ละชุดทุกระดับชั้น
เด็กๆ แต่ละคน ต่างมีบทบาทหน้าที่ในแสดงการประชันความสามารถในวันนี้ ครูแต่ละชั้นก็จะค่อยสังเกตดูว่าเด็กๆ จะจัดการกิจกรรมในวันนี้ออกมากันอย่างไรบ้างตลอด 3 สัปดาห์ในระหว่างการเตรียมตัว ทุกคนต่างตื่นเต้นและบางคนต่างก็งงงวยกับหน้าที่ของตนเอง
      ก่อนหน้าที่จะมีการแสดงของเด็กๆ ม.1 ในวันนี้ พวกเราได้เลือกพิธีกรร่วมกัน โดยมีมติคนที่ถูกเลือก ก็คือพี่ไข่มุกกับพี่ดิว หลังจากที่ทั้งสองคนได้รับมอบหน้าที่ ทั้งคู่ก็ต่างตั้งใจทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ทั้งคู่ได้แบ่งบทกันพูด ที่วางไว้ก็คือ จะให้พี่ดิวเป็นคนประกาศก่อนการแสดงของฝ่ายหญิง(พี่เบ้นกับพี่อุ้ม- ไม่รักไม่ต้องมาแคร์) และให้พี่ไข่มุกประกาศขณะที่ฝ่ายชายแสดง(พี่เหน่งกับพี่ชาร์ป - คั่นอ้ายตายสิไห้นำบ่)

ตอนซ้อม
ทั้งคู่ออกมายืนกลางเวทีและพิธีกรทั้งสองคนก็ได้พูดทักทายท่านผู้ชม ก่อนการแสดงแต่ละชุดจะมีขึ้น
ไข่มุก "สวัสดีค่ะท่านผู้ชม..วันนี้พวกเราจะมีการแสดงอันน่าตื่นเต้นให้รับชมกันค่ะ เป็นการขับร้องเพลงของพี่เหน่งและพี่ชาร์ป ในบทเพลงคั่นอ้ายตายสิไห้นำบ่... ขอเสียงปรบมือด้วยค๊าา.." พี่ไข่มุกพูดด้วยท่าทีที่มาดมั่น ด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง
ดิว "การแสดงชุดต่อไป ก็คือพี่เบ้นกับพี่อุ้มจะมาขับร้องเพลงไม่รักไม่ต้องมาแคร์..หากทุกคนพร้อมแล้วขอเสียงตบมือด้วยนะคร้าบ.." พี่ดิวพูดด้วยน้ำหนักเสียงอันแผ่วเบา และยืนตะลึงตกใจนิ่งงันอยู่กับที่และพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
ตอนแสดงจริง
ทั้งคู่ออกมายืนกลางเวทีด้วยความมั่นใจกับการซ้อมมาอย่างเต็มที่ โดยมีคุณครู ผู้ปกครอง และพี่ๆ มัธยมเกือบ 60 คน ที่ใต้ถุนบ้าน ม.1 พิธีกรเริ่มพูด..
ไข่มุก "สวัสดีค่ะทุกท่านที่น่ารัก...ต่อไปนี้เป็นการแสดงของพี่ ม.1 กับการแสดงชุดแรกกับพี่เหน่งและพี่ชาร์ป ด้วยผลงานเพลงคั่นอ้ายตายสิไห้นำบ่...ขอเสียงปรบมือเป็นกำลังใจด้วยค๊าา.." พี่ไข่มุกพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข ส่วนพี่ดิวปรบมือตามเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน ด้วยสีหน้าและท่าทางยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่
หลังจากการแสดงชุดที่ 1 จบลง พิธีกรทั้งคู่ได้เดินเข้ามายังกลางเวทีอีกครั้ง เพื่อนๆ ม.1 และคุณครูต่างเฝ้ารอให้และส่งกำลังใจให้พี่ดิว ที่จะพูดเชิญชนการแสดงชุดถัดไป พิธีกรทั้งคู่พูดต่อ..
ไข่มุก "การแสดงชุดแรกจบลงไปแล้วนะคะ..สนุกกันหรือเปล่าค่ะท่านผู้ชม.. ถ้าสนุกขอเสียงปรบมือดังๆ อีกครั้งด้วยค๊าา" พี่ไข่มุกเรียกเสียงปรบมือจากทุกคน ขณะที่พี่ดิวยังยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับว่าถูกเสียงปรบมือสะกดจิตให้ตัวแข็งดังเช่นก่อนหินก็ปานนั้น พิธีกรพูดต่อ.. "พวกเรามาชมการแสดงชุดที่ 2 กันต่อเลยดีกว่า พบกับพี่เบ้นและพี่อุ้มต่อเลยค่ะ ในบทเพลงไม่รักไม่ต้องมาแคร์..ขอเสียงปรบมือด้วยค๊าา" หลังจากสิ้นเสียงพี่ไข่มุกทุกคนต่างฉงนสนเท่ห์แทนพี่ดิวที่กลายเป็นพิธีกรไร้เสียง แล้วเดินออกมาด้วยท่าทางอันเบิกบาน เหมือนมีความสุขอย่างยิ่งกับการทำหน้าที่ในวันนี้เสร็จสิ้นลง

*ทุกคนต่างส่งกำลังใจให้พี่ดิว และสอบถามขณะที่การแสดงชุด 2 กำลังดำเนินการอยู่่
"ทำไมดิวนายไม่พูดอย่างที่ซ้อมกันมาล่ะ" เพื่อนๆ หลายคนต่างตั้งคำถามกับพี่ดิว และต่างตั้งใจรอฟังคำอธิบาย
"คือว่า..เรากับไข่มุกเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย" พี่ดิวพยายามอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจเขาและแผนการที่ทั้งคู่ ชวนกันเปลี่ยนก่อนการแสดงไม่กี่อึดใจ.

5 พ.ย. 2557

ประสบการณ์สอนชีวิต

      วันนี้ตกหนักดั่งกับฟ้ารั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามดังก้องกังวานไปทั่ว เด็กๆ ที่กำลังเล่นกีฬาอยู่กลางสนามอย่างสนุก พากันวิ่งหลบฝนที่ซัดกระหน่ำไปคนละทิศคนละทาง เด็กๆ บางคนวิ่งออกมาเล่นยอกล้อกับสายฝนที่โหมลงมาอย่างบ้าคลั่งแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปหลบฝนที่ตึกจนขะมุกขะมอมไปทั้งตัว
_เมื่อช่วงเช้าครูชวนนักเรียนพูดคุยถึงเรื่องความลำบาก ก็เลยยกกรณีของหลายๆ บุคคลที่เคยผ่านชีวิตที่ตรากตรำมาหลายคน คนที่มีทุกย่างพร้อมสรรพจะไม่รู้จักการต่อสู้ชีวิต สิ่งหนึ่งที่ครูมอบให้ได้ในช่วงเวลาสอนก็คือประสบการณ์เดิมที่นำมาต่อเติมกัน ครูฟังเรื่องที่ศิษย์เล่าต่อเติมเสริมกันเพื่อเสริมกำลังใจให้กันและกัน เพื่อนๆ ที่พร้อมสรรพก็ได้ฟังเรื่องของคนอื่นที่ลำบากกว่าอีกด้วย

_อีกเรื่องหนึ่งที่ครูพูดเสริมกับเด็กๆ วันนี้ประเด็นกล้องครูสังข์ใช้งานไม่ได้ ชวนพี่ ม.1 คิดว่าเราจะทำยังไง “ตอนนี้กล้องครูสังข์เครื่องเล็กNikon ที่พวกเราเคยยืมมาถ่ายทำมันใช้งานไม่ได้แล้ว อาจจะมากล้องตกกระแทรกพื้นทำให้อุปกรณ์ภายในพังเสียหาย” ครูพูดไปพร้อมสอดส่ายสายตาสบตาเด็กแต่ละคนกวาดสายตาไปมามองรอบวงกลม ขณะที่เด็กๆ ตั้งใจฟังแทบสัมผัสได้ถึงจังหวะเสียงเต้นของหัวใจแต่ละคน
“แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือเราเคยไปยืมกล้องครูเขามา อาจจะมาจากครั้งหนึ่งที่ครูเห็นพี่ชาติทำกล้องตกกระแทรกพื้นหรือเปล่าครูก็ไม่รู้” ครูพูดตรงๆ จี้ให้พี่ชาติรู้ตัวเร็วขึ้นในสิ่งที่ทำแล้วปกปิดเหตุการณ์นั้นเอาไว้ เหมือนจะไม่อยากให้ใครล่วงรู้ความลับนั้น
“แต่วันนั้นพวกผมก็นำกล้องมาเปิดใช้งานได้ปรกติ และยังถ่ายทำต่อจนเสร็จนะครับ” พี่ชาติพยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น
“อย่างน้อยเราเป็นผู้ที่ไปยืมกล้องครูเขามา เราต้องมีส่วนรับผิดชอบนะ ครูสังข์เขาไม่พูดอะไรไม่ใช่ว่าพวกเราจะปล่อยให้มันเป็นไปเลยตามเลย โดยที่จะไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ครูเขาก็ต้องใช้เงินตัวเองไปซ่อมในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำมันขึ้นมาเองนั้นหรือ?” ครูพูดออกไปพรางให้นักเรียนครุ่นคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่น
ช่วงเย็นผมได้เข้าไปพูดคุยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครูสังข์
“กล้องมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจากเด็กๆ หรอกมั่งครับ เพราะมันเป็นแบบนี้บ่อยครั้งครับ” ครูสังข์พูดเหมือนอยากบอกว่าเด็กๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกล้องหล่นกระแทรกพื้นในครั้งนี้
“วันนี้ครูชวนคุยหลายๆ อย่างและรวมเรื่องกล้องนี้ด้วยครับ” ผมบอกสิ่งที่เด็กๆ สะท้อนและครูสอนเรื่องราวจากเหตุการณ์กับเด็กๆ (ครูณีชวนคุยประเด็นกล้อง)

:: : :::: ::

_ครูทุกคนต่างมีภาระค่าใช้จ่ายใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียรเพราะกลัวเงินไม่พอใช้ถึงสิ้นเดือน ไหนจะเป็นค่าใช้ในเดือนต่อไป ค่าใช้สอยต่างๆ ที่ครูทุกคนต่างแบกภาระกับผู้มีพระคุณรอบๆ ตัว ครูต่างตอบแทนคุณผ่านสิ่งของใช้สอยหรือเงินส่วนหนึ่งจากเงินเดือนโอนถึงแม่พ่อ ดูแลจิตใจท่านและอีกอย่างหนึ่งคุณครูทุกคนก็เคยผ่าฟันจากประสบการณ์ที่เรียนมหาวิทยาลัยฯ เป็นสิ่งที่นำมาใช้ถ่ายทอดเรื่องราวแฝงแง่คิดให้นักเรียนได้ดีทุกๆ วัน

_ขณะที่ฝนข้างนอกยังโหมกระหน่ำดูเหมือนว่ายังจะไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุดตกโดยเร็วพลัน ต้นไผ่หน้าตึกประถมถูกลมพัดวี้ดว้าดไผ่โอนเอนไปมาตามทิศทางลม

มุมหนึ่งของตึกประถมผมเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือกัน ท้าทายต่อเสียงน้ำฝนที่ตกกระแทกหลังคากระเบื้องที่อยู่สูงจากพวกเขาราวเท่าๆ กับแป้นบาสเกตบอล