cr : The Sound of Silent: John Cage and 4'33"
_ในชั่วโมงจิตศึกษาผมชวนนักเรียนคุยเรื่อง ‘ความเงียบ’
และในเมื่อหลายปีก่อน ผมให้นักเรียนหยิบยืมหนังสือความเงียบ:เขียนโดยจอห์น เลน(John Lane) - (ย่อ; ความเงียบ คือประตูสู่สันติสุขภายใน คือพื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์ คือหนทางที่จะทำให้มนุษย์ได้สัมผัสกับพลังแห่งชีวิต คือความนิ่งสงบ และเบิกบาน... หากลองละวิถีชีวิตที่เร่งร้อน ปล่อยวางภาระอันหนักอึ้ง ทั้งภายนอกและภายในจิตใจ บางทีเราอาจค้นพบความสุขที่ซ่อนตัวอยู่ในความเรียบง่ายธรรมดา และค้นพบหนทางที่จะเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตน เราจะตระหนักว่า ความสุขสงบ สันติภาพ เสรีภาพ และความสร้างสรรค์ ทั้งภายในขอบเขตของตัวเราและสังคมรอบข้างจะเกิดขึ้นได้ด้วยอาศัยพลังจากความเงียบนี่เอง)
หลากหลายเรื่องราวที่ชวนนักเรียนคุยในวงจิตศึกษาวันนั้น ผมเคยของหนุ่มเมืองจันทร์จากหนังสือ ? เกี่ยวกับความเงียบจากบทเพลงของจอห์น เคจ(John Cage) บทเพลงแห่งตำนานของเขาก็คือ 4'33
ผมได้ยินชื่อ "จอห์น เคจ" มานานแล้ว
ได้ยินพร้อมกับชื่อบทเพลง "4"33" อันโด่งดังของเขา
บทเพลงนี้บรรเลงครั้งแรกที่ "วู้ดสต็อค นิวยอร์ก" เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1952
58 ปีมาแล้ว
"เดวิด ทูดอร์" นักเปียโนชื่อดังเป็นคนบรรเลงเพลง 4"33
เพลงนี้มีความยาว 4.33 นาที แบ่งเป็น 3 องค์
ช่วงแรก 30 วินาที ช่วงที่สอง 2 นาที 23 วินาที และช่วงที่สาม 1 นาที 40 วินาที
ทุกช่วงตอนบรรเลงด้วยโน้ตตัวเดียว
คือ "ความเงียบ"
"เดวิด ทูดอร์" เริ่มต้นด้วยการปิดฝาครอบลิ่มเปียโนหรือคีย์บอร์ด แสดงถึงการเริ่มต้นองค์ที่หนึ่ง
จากนั้นก็นิ่ง
30 วินาทีผ่านไป เขาเปิดฝาครอบลิ่มขึ้น แสดงว่าจบองค์แรก
ปิดฝาลิ่มอีกครั้ง เพื่อบอกคนดูว่าการแสดงองค์ที่สองเริ่มต้นแล้ว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เขาพลิกแผ่นโน้ตทีละหน้า
จนครบ 2 นาที 23 วินาที เขาก็ปิดฝาลิ่มเปียโนลงอีกครั้ง
จากนั้นก็ปิดฝาลิ่ม เริ่มองค์ที่สาม
1 นาที 40 วินาที "ทูดอร์" ก็เปิดฝาครอบลิ่มเปียโนเป็นครั้งสุดท้าย
ถอยห่างและโค้งคำนับผู้ชม
จบเพลง 4"33
เพลงแบบนี้ใครๆ ก็แต่งได้ แต่จะมีกี่คนที่กล้าเล่นเพลงนี้ให้คนฟัง ที่สำคัญผมเพิ่งรู้ที่มาของเพลง 4"33
เชื่อไหมครับ ว่า "จอห์น เคจ" ใช้เวลานานมากกว่าจะแต่งเพลงนี้สำเร็จ
ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยว่าโลกนี้มี "ความเงียบ" จริงหรือไม่
"เคจ" ขออนุญาตมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดใช้ห้องเก็บเสียงที่มีกำแพงดูดเสียงทดลองค้นหา "ความเงียบ"
เขาอยู่ในห้องนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมง
อยู่นิ่งๆ เงียบๆ
แต่ "ไม่เงียบ"
เพราะแม้จะนิ่งและเงียบเพียงใด เขาก็ได้ยินเสียงบางเสียงเป็นเสียงสูงกับเสียงต่ำ
เมื่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ก็ได้คำตอบว่าเป็นเสียงของระบบประสาท และเสียงการไหลเวียนของเลือดในตัว
"จอห์น เคจ" จึงสรุปว่าในโลกนี้ไม่มี "ความเงียบ" โดยสมบูรณ์
และแรงบันดาลใจที่จะแต่งเพลง 4"33 จึงเริ่มต้นขึ้น
เขานิยามความหมายของคำว่า "ความเงียบ" ใหม่
"จอห์น เคจ" บอกว่า "เสียง" และ "ความเงียบ" แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
หากจะแตกต่างก็มีเพียงแค่ "ความคิด" ที่จะ "เอาใจใส่" ต่อการรับฟ้ง
หรือ "ความคิด" ที่ "ไม่เอาใจใส่" ต่อการรับฟัง
...เท่านั้นเอง
ถ้าเราใส่ใจที่จะฟัง เราจะได้ยิน "เสียง" แต่ถ้าเราไม่ใส่ใจที่จะฟัง เราก็จะไม่ได้ยินอะไร
และนั่นคือ "ความเงียบ"
ตอนแรก "จอห์น เคจ" ยังไม่กล้าที่จะใช้ "ความเงียบ" เป็น "เสียงเพลง"
จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 1951 เขาไปดูงานศิลปะของ "โรเบิร์ต โรเซนเบิร์ก" และเห็นภาพที่ว่างเปล่า
มีแต่ "ผ้าใบสีขาว" ขึงอยู่บนเฟรม
ไม่มีสีอะไรอยู่บนภาพนั้นเลย
มีแต่แสงและเงาของคนดู ต้นไม้ ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บนผ้าใบสีขาว
ผมชอบคำอธิบายภาพนี้ของ "จอห์น เคจ"
เขาบอกว่า นี่คือสนามบินของแสงและเงา หรือเป็นภาพสะท้อนของอากาศ
"มันไม่ใช่สิ่งที่เราเห็น แต่เป็นวิธีการที่เรามองต่างหาก"
"จอห์น เคจ" บอกว่า ภาพของ "โรเซนเบิร์ก" คือ คำอนุมัติให้เขาเขียนเพลงแห่งความเงียบบทนี้
และบทเพลงบทนี้ก็ไม่ได้ "เงียบ" อย่างแท้จริง เพราะช่วงเวลาที่ไม่มีเสียงดนตรีบนเวที
"ความเงียบ" ของเสียงดนตรี คือ "สนามบิน" ของเสียงอื่นๆ รอบข้าง
และนั่นคือ เสียงดนตรีที่แท้จริงของเพลง 4"33
เมื่อเริ่มต้นองค์แรก คนดูยังเงียบอยู่ แต่มีเสียงลมจากภายนอกพัดผ่านกิ่งไม้เข้ามา
พอถึงองค์ที่สอง คนดูก็ยังเงียบเพราะไม่แน่ใจว่าจะมีเสียงดนตรีขึ้นในช่วงไหน แต่มีเสียงฝนตกกระทบหลังคาดังแทรกเข้ามา
จนถึงองค์ที่สาม คนดูเริ่มกระซิบกัน บางคนเริ่มโวยวาย จากเบาเป็นดัง และบางคนก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินออกไป
"จอห์น เคจ" บอกว่าคนดูไม่มีใครหัวเราะ พวกเขาโมโหเมื่อรู้ว่าเพลงที่รอฟังอยู่นั้น แท้จริงไม่มีอะไรเลย แม้จะไม่มีอะไรเลยแต่ก็เป็นบทเพลงที่ทุกคนไม่ลืมเลือน
หลังจากวันนั้น "จอห์น เคจ" นำเพลงนี้ไปบรรเลงอีกหลายครั้ง
น่าแปลกที่แม้จะเป็นเพลงเดียวกันแต่เสียงเพลงกลับเปลี่ยนไปทุกครั้ง
ตามสถานที่และอารมณ์ของคนดู
ผมชอบมุมคิดของ "จอห์น เคจ" มาก
เขาเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจาก "ภายใน" ของตัวเรา
ไม่ใช่ "ภายนอก"
"ความเงียบ" จึงไม่ใช่เรื่องของ "เสียง"
แต่เป็นเรื่องความเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจ และความไม่หยุดนิ่ง
ภาพของ "โรเซนเบิร์ก" สอนเราว่า "สิ่งที่เราเห็น ไม่สำคัญเท่ากับวิธีการมอง"
เช่นเดียวกับเพลง 4"33 ของ "จอห์น เคจ"
เสียงที่เกิดขึ้นจะดังหรือเบา ขึ้นอยู่กับว่าเราใส่ใจเพียงใด
ถ้า "ใส่ใจ" ก็ดัง
"ไม่ใส่ใจ" ก็เบา
หรือ "ไม่ได้ยิน"
แวบหนึ่ง ผมนึกถึงเมืองไทยในวันนี้
ผมได้ยินเพลง 4"33 ดังขึ้นอย่างยาวนาน
และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจบ...