24 ธ.ค. 2552

สวัสดีปีใหม่


Merry Christmas & Happy New Year 2010 ค.คุณครูใจดี LPMP.ทุกคน



ปีเก่าไป ปีใหม่มา สำหรับเทศกาลแห่งความสุขที่หลายๆคนเฝ้ารอ
เป็นการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆที่ดี หลายคนบอกว่าปีนี้เป็นปีเสือดุ บ้างว่าเป็นปีเสือหมอบ
นานาจิตตัง

สำหรับเด็กๆแล้วปีใหม่ของทุกปีช่างแสนวิเศษเด็กๆมีความสุขมาก
ผู้ใหญ่ก็พลอยกระชุ่มกระชวยไปด้วย สวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะและมีบทกลอนของท่านพุทธทาสมาฝากคุณครูใจดีทุกคนค่ะ



การงานเป็นสิ่งที่น่ารัก

อันที่จริง การงาน นั้นน่ารัก
เมื่อยังไม่ รู้จัก ก็อางขนาง (คือไม่ชอบ)
ไม่รู้จัก ก็ปล่อยปละ แล้วละวาง
บ้างร้องคราง เมื่อรอหน้า ว่าเบื่อจริง

แต่ที่แท้ การงาน นั้นน่ารัก
สอนให้คน รู้จัก ไปทุกสิ่ง
ถ้ายิ่งทำ ยิ่งฉลาด ไม่พลาดยิง
ได้ตรงดิ่ง สิ่งอุกฤษฏ์ คือจิตเจริญ

การงานนี้ ดูให้ดี มันน่ารัก
เป็นการชัก ธรรมะมา น่าสรรเสริญ
คือมีสติ ฉันทะ ทมะเกิน
ครั้นหยุดเพลิน จิตก็วาง ทางนิพพาน

16 ธ.ค. 2552

กำลังใจแด่ครูทุกคน






ผมไม่ใฝ่ฝันที่จะเป็นเพียงเรือจ้าง ที่เขาเปรียบครูไว้เช่นนี้หรอก
ลองคิดดูซิว่า ขณะที่เรากำลังแจวเรือ
แล้วมีคนอื่นอีกมาก ใกล้จะจมน้ำตาย
แล้วเราจะไม่จอดแวะรับเขาขึ้นมาด้วยกันกับ เราเหรอ
เราจะเอาเพียงเด็กนักเรียนขึ้นฝั่งเท่านั้ น?
เท่านี้เหรอ ไม่มีที่ใดในผืนแผ่นดินนี้ ที่ครูบ้านนอกอยู่ไม่ได้
"สอนศิษย์ให้กลายเป็นคน คือเกียรติยศของคนเป็น ครู"

8 ธ.ค. 2552

พิซซ่าฉงน............(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)






....วันนี้เป็นวันที่เด็ก ๆ มีความสุขมาก...เพราะคุณแม่พี่ปุณ ป.1 มาทำบุญ.....โดยการซื้อพิซซ่ามาเลี้ยงเด็ก ๆ ทั้งโรงเรียน.....

.
....ซึ่งอานิสงค์นี้ก็เลยพลอยทำให้คุณครูอิ่มแป้ไปตาม ๆกัน........



ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ ป.5 เป็นยังไงบ้างครับ ..พิซซ่าอร่อยไหมครับ

ปอง : อร่อยมากครับคุณครู....(ปองเป็นคนที่ชอบพิซซ่ามาก)...

จ๋อม : แต่.....เขาว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไรนา


นุ๊ก : เขาว่า...ไม่อร่อยเลยแหละ


....ครูองอาจอมยิ้ม...เพราะแท้ที่จริงแล้วเหตุผลที่คุณแม่พี่ปุณป.1 นำพิซซ่ามาให้เด็ก ๆ กินนั้น ต้องการสอนว่า ...บางทีของที่เราอยากกินแทบตาย..ก็อาจไม่อร่อยเหมือนอย่างที่เราคิด....

ครูองอาจ : ....เห็นว่า..คุณแม่พี่ปุณมีเงื่อนไขในการกินพิซซ่าแบบแปลก ๆ ..เป็นยังไงเหรอครับ

นุ๊ก : อ๋อ....เราจะนั่งกินเป็นเลขที่ค่ะ อย่างเช่น เลขที่ 1 ก็จะนั่งกินด้วยกันตั้งแต่อ.1 – ม.1 เลยค่ะ โดยพี่ชั้นที่โตกว่าจะเดินมารับน้องชั้นที่เล็กว่าแล้วไปเอาพิซซ่านั่งกินด้วยกันในมุมที่พวกเราชอบ....กินไปคุยกันไปก็สนุกดีค่ะ

........ครูองอาจฟังนุ๊กเล่าแล้วฉีกยิ้มกว้างครับ....แหม..ผู้ปกครองโรงเรียนนี้ช่างน่ารักจริงจริ๊ง....

........ เอ้า...ได้เวลาโยงเข้าสู่บทเรียบนแล้วครับ......


ครูองอาจ : ....วันนี้คุณครูก็มีพิซซ่ามาให้กินครับ....เป็น....พิซซ่าหน้าแยม ..แยม..แยม..(ทำเสียงเอ็คโครตามสไตร์ครูองงอาจ)

........หลายคนทำตาโต....เพราะเขาคิดว่าอาจจะอร่อยกว่าเมื่อวานก็ได้.......

ครูองอาจ : ......คุณครูมีพิซซ่าอยู่ 3 ถาดครับ.....ให้เด็ก ๆ ช่วยแบ่งพิซซ่าให้ที

ถาดที่ 1 ให้แบ่งโดยใช้เส้นตรง 3 เส้น แต่ให้ได้พิซซ่ามา 7 ชิ้น

ถาดที่ 2 ให้แบ่งโดยใช้เส้นตรง 4 เส้น แต่ให้ได้พิซซ่ามา 11 ชิ้น

ถาดที่ 3 ให้แบ่งโดยใช้เส้นตรง 5 เส้น แต่ให้ได้พิซซ่ามา 16 ชิ้น





ครูองอาจ : เอ้าลองแบ่งดูครับ .....ใครได้แล้วลองมานำเสนอครูและเพื่อนดูครับ


..............ผ่านไปแล้ว 10 นาที.........


เดียว : ผมได้ถาดที่ 1 แล้วครับ

เจมส์ : ผมได้ถาดที่ 2 แล้วครับ

ปุ๊ก : ผมได้ถาดที่ 3 แล้วครับ

.....โอ้โห.....เก่งจังเลยครับท่านผู้อ่าน....แบบนี้ต้องมีการบ้านซะแล้ว


การบ้าน ....เอ..ถ้าคุณครูต้องการแบ่งโดยใช้ 7 เส้น ครูจะแบ่งให้ได้พิซซ่ามากสุดกี่ชิ้นนาาา....คุณผู้อ่านมีความคิดเห้นอย่างไรครับ......อ๋อ....อย่าลืมทำการบ้านกับเด็ก ๆ นะครับ


คุณผู้อ่านชอบพิชช่าไหมครับ.....ถ้าชอบลองทำดูครับ

เรื่องกล้วยๆ .........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)




....เช้าวันนี้ผู้ปกครองอนุบาลนำกล้วย 3-4 เครือ.... มาแขวนไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่....ข้างอาคารอนุบาล... ....ซึ่งมันทำให้เด็ก ๆ ทุกคน โดยเฉพาะพี่ม.1 บางคนอดที่จะไปชมไม่ได้.....


ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ม.1 ...เอ...เมื่อเช้าใครไปทำอะไร..แถวอาคารอนุบาลนาาา

แมน : ผมเองครับ....ไปยืนดูกล้วยที่แขวนไว้ที่ต้นไม้ครับ...น่ากินมากเลยครับ..แฮ่..แฮ่..

ครูองอาจ : ...(อมยิ้มก่อนจะพูดว่า)....หิวละซิครับพี่แมน....

แมน : คร๊าป...(รับสารภาพโดยดี)

ครูองอาจ : ลองไปติดต่อขอชิมกับน้องอนุบาลดูซิครับ....เผื่อน้องจะเห็นใจ...

แมน : อืม...(คิดสักครู่)....ไม่ดีกว่าครับ...ไปกินที่บ้านดีกว่าครับ

ครูองอาจ : ....อ้อ....พูดถึงเรื่องกล้วยก็พลันให้คิดถึงเรื่อง..พ่อค้นขายกล้วยคนหนึ่งที่ชอบจูงอูฐให้ลากกล้วยเข้าไปขายในเมือง

... ........เด็ก ๆ นั่งนิ่ง.....ตั้งใจฟัง.......


จอห์น : คุณครูอยากฟัง....เล่าให้ฟังหน่อยครับ


ครูองอาจ : พ่อค้าคนหนึ่งต้องการนำกล้วย 3,000 ใบ

ไปขายยังตลาดอยู่ไกลถึง 1,000 กิโลเมตร โดยใช้อูฐและเกวียนเป็นพาหนะ

ซึ่งบรรทุกกล้วยได้ครั้งละ 1,000 ใบ เท่านั้น อูฐของเขาต้องกินกล้วย 1 ใบ

ต่อการเดินทาง 1 กิโลเมตร


เอ........พ่อค้าคนนี้จะเหลือกล้วยไปขายที่ตลาดกี่ใบนาาา




คุณผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ

โจรสลัดสยองโลก...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)


....ข่าวการปล้นร้านทองกำลังมาแรง...เด็ก ๆ หลายคนที่ได้ดูสื่อทางโทรทัศน์นำมาวิพากวิจารณ์กันเสียยกใหญ่.....


ครูองอาจ : สวัสดีครับเด็ก ๆ ...คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ...

เช็ค : ...คุยกันเรื่องโจรที่ปล้นร้านทองที่กรุงเทพนะครับคุณครู

กี้ : หนูว่าโจรไม่ฉลาดเลยคะ...ที่เอาปืนปลอมมาจี้เจ้าของร้าน

แบงค์ : ใคร ๆ ก็ดูออกเนอะ...ว่าเป็นปืนปลอม


..........และอีกหลายความคิดเห็น....... .........


.......ครูองอาจนิ่งคิดสักครู่....ก่อนจะพูดขึ้นว่า.......

ครูองอาจ : ....ในห้องนี้มีใครอยากปล้นร้านทองไหมครับ

...... เด็ก ๆ งง ..พลางคิดว่า....ทำไมครูจึงถามแบบนี้.....แต่ทุกคนก็ตอบว่า....ไม่...


ครูองอาจ : บางทีโจรอาจจะไม่อยากทำแบบนั้นก็ได้...แต่อาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง....

หญิง : หรือเขาอาจจะไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูกกินคะคุณครู

ครูองอาจ : ก็เป็นไปได้ครับพี่หญิง


........หลายคนนั่งคิด..จินตนาการว่าทำไมเขาจึงทำแบบนั้น......
........ครูองอาจปล่อยให้เด้ก ๆ นิ่งคิดสักครู่..แล้วค่อยเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน.....



ครูองอาจ : ...เอ้า...วันนี้เห็นพวกเราสนใจเรื่องโจร...คุณครูก็มีเรื่องโจรสลัดมาเล่าให้ฟังครับ


..........เย้......เช็คดีใจมาก...เพราะเขาชอบเรื่องเล่าครูองอาจเอาเสียจริงจริง....


ครูองอาจ : จรสามคนได้แก่ A , B และ C ได้ขโมยเงินจากร้านทองมา 1 ถุง

พวกเขาจึงได้ตัดสินใจแบ่งทองในวันที่ 4 เหตุการณ์ในแต่ละวันเป็นดังนี้

วันแรก A ขโมยทองไป 2 เหรียญ จากนั้นแบ่งทองที่เหลือได้ 3 กองเท่ากัน แล้วขโมยไป 1กอง

วันที่สอง B ขโมยทองไป 3 เหรียญ จากนั้นแบ่งทองที่เหลือได้ 3 กองเท่ากัน แล้วขโมยไป 1กอง

วันที่สาม C ขโมยทองไป 1 เหรียญ จากนั้นแบ่งทองที่เหลือได้ 3 กองเท่ากัน แล้วขโมยไป 1กอง

วันที่สี่ B ทั้งสามคนแบ่งทองกัน ได้คนละ 2 เหรียญ

เอ......เริ่มต้นมีทองทั้งหมดเท่าไรนา.........


เอ้าทุกคนลองออกแบบ Model ดู ใครได้คำตอบมานำเสนอครูและเพื่อน ๆ ด้วยครับ


ท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นเป็นอย่างไรครับ


กรมอุตุนิยมวิทยา...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)








....วันนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศมีอุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส .....มีลมกระโชกแรงเป็นแห่ง ๆ.....มีฝนตกชุกในเขตจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์......นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังในการเดินทาง

......เช็คสวมบทบาทเป็นนักข่าวตัวน้อย....รายงานข่าวให้เพื่อนฟังประกอบการเรียนวิชาโครงงาน.... เที่ยวทั่วไทย สบายใจอย่างแฮง....



ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ป.6 ...เอ...ได้ยินเสียงใคร...พยากรณ์อากาศแต่เช้าเหรอครับ..

เช็ค : ผมเองครับ....กรมอุตุนิยมวิทยามาเอง...(พูดเล่นสนุกสนาน)..


......เพื่อน ๆ หันหน้าไปยิ้มให้เช็คกันหลายคน.......



ครูองอาจ : ....พี่เช็คชอบการพยากรณ์อากาศเหรอครับ..

เช็ค : ครับ...โตขึ้นผมจะเป็นนักพยากรณ์อากาศ..ของกรมอุตุนิยมวิทยาครับ

..(พูดอย่างแน่วแน่)...



ครูองอาจ : ทำไม...จึงอยากเป็นครับ


เช็ค : เพราะจะได้รู้สถานการณ์โลกครับ...ก่อนใครเลย....เออ...และจะได้บอกคนอื่นให้รู้ตามด้วยครับ

ครูองอาจ : อืม...ดีจังเลยครับ.....เอ้า...สมมุติว่าพี่เช็คและเพื่อน ๆ เป็นนักพยากรณ์อากาศ..ของกรมอุตุนิยมวิทยา.....ลองมาพยากรณ์เหตุการณ์นี้ดูครับ


ใหม่ได้ไปเที่ยวฮาวาย 19 วัน ในระหว่างที่เขาไปเที่ยวนั้น


มีฝนตกตอนเช้า 11 วัน มีฝนตกตอนบ่าย 9 วัน

และ วันที่ฝนไม่ตกเลย 4 วัน

อยากทราบว่ามีวันที่ฝนตกทั้งเช้าและบ่ายกี่วัน



.....เช็คทำหน้างงๆ ....เอ..มันเกี่ยวกับพยากรณ์อากาศตรงไหนนา...แต่เขาก็ไม่พูดอะไรได้แต่หยิบสมุดการคิด...มาออกแบบ Model เพื่อหาคำตอบให้ได้....




คุณผู้อ่านว่าเกี่ยวไหมครับ...แต่ยังไงก็อย่าลืมลองแก้ปัญหาดูครับ


ผีตองเหลือง ........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)






....เวลาวิ่งเร็วยังกับสายลม...ทั้งที่จริงแล้วมันน่าจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร่งเป็นศูนย์ ......เช้าวันนี้ครูองอาจหอบสื่อการสอนพลุงพลังเป็นหนังสือภาพนิทานเล่มโต....หวังว่าจะนำไปให้เด็ก ๆ ดูประกอบการเล่าเรื่องราวให้นักเรียนชั้น ป.4 ดู......



ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ ป.4 วันนี้คุณครูมีเรื่องราวสนุก ๆ มาเล่าให้ฟังครับ


กั๊ก : เรื่องอะไรเหรอครับคุณครู


ครูองอาจ : ผี....ตอง.....เหลือง....



.......บรือ....น่ากลัวจัง...ขยับไปหาคุณครูดีกว่า....กั๊กพูดเบา ๆ แล้วขยับตัว....แต่มันก็มีพลังเหนี่ยวนำพอที่จะทำให้คนอื่น ๆ ขยับตาม


ครูองอาจ : ....เอ.......อะไรที่ขึ้นชื่อว่า....ผี.....เด็ก ๆ กลัวหมดเลยเหรอครับ


เด็ก ๆ : ครับ.....กลัวหมดเลยครับ


........ครูองอาจนิ่งคิดสักครู่...........อ๋อ...


ครูองอาจ : ....เด็ก ๆ ครับ.....อะไรเอ่ยชื่อน่ากลัว.....แต่ตัวน่ารัก


...............เงียบกริบ......เด็ก ๆ พยายามคิดหาคำตอบ..........


ต่อ : ..รู้แล้วครับ.....ผีเสื้อ...ครับ


.....อ๋อ....หลายคนเห็นด้วยกับต่อ.....


ครูองอาจ : เก่งมากครับ......เอ......แล้วผีเสื้อน่ากลัวไหมครับ


ต่อ : .....ไม่ครับ.....น่ารักดีออก....


ครูองอาจ : เห็นไหมครับเด็ก ๆ .....ผีบางที่ก็ไม่น่ากลัวหรอกครับ.....อย่างผีเสื้อน่ารักด้วยซ้ำไป



......หลายคนนั่งคิดจินตนาการถึงความน่ารักของผีเสื้อ.......



ครูองอาจ : ผีตองเหลือง...ก็เหมือนกันครับ...เป็นคนเผ่าหนึ่ง...ที่อาจมีชีวิตที่ต่างจากเราแค่นั้นครับ


สำลี : อ้าว.....ไม่ใช่ผีจริง ๆ เหรอครับ...


ครูองอาจ : ไม่ครับ


สำลี : โอ้ย....ผมนึกว่าเป็นเหมือนผีตานีซะอีก...เพราะชื่อมันมีใบตอง


.....หลายคนเริ่มจินตนาการถึงผีตองเหลือง....


ต่อ : ....คุณครูครับ....แล้วผีตองเหลืองมีรูปร่างอย่างไรครับ


....ครูองอาจอมยิ้ม...เพราะเด็ก ๆ มีความสนใจอยากรู้ในสิ่งที่ครูองอาจเตรียมมาโดยที่ครูองอาจไม่ได้บังคับขืนใจให้รู้เลย ครูองอาจ : นี่ครับรูปร่างของเขา...(เปิดสมุดภาพเบา ๆ และพุดคุยสนทนาในสิ่งที่เด็ก ๆ อยากรู้อยู่พักหนึ่ง).....

......เอ้า.....ได้เวลาเชื่อมโยงเข้าสู่ปัญหาการคอิดที่เตรียมมาแล้วครับท่านผู้อ่าน.......



ครูองอาจ : เช้าวันหนึ่งกลุ่มผีตองเหลืองสนทนากัน

Tata dona maka หมายถึง น้ำเย็นมาก

Tata neta หมายถึง น้ำร้อน

dona bela หมายถึง ดีมาก

เอ...ถ้าจะพูดว่า เย็นดี เผ่าตองเหลืองจะพูดว่ายังไงนา



เด็ก ๆ และ คุณผู้อ่านคิดว่าจะพูดว่ายังไงนา



รถไฟฟ้ามาหานะเธอ...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)






....ฉึกฉัก...ฉึกฉัก...ปูนปูน....ต่อแถวกันเป็นรถไฟ......

....ฉึกฉัก...ฉึกฉัก...ปูนปูน....นอนเป็นรูปปลาดาว......


.....เสียงเพลงประกอบกิจกรรมเคลื่อนไหวน้องๆ อนุบาล ที่ทำเอาพี่ป.6 ที่ไปชมกิจกรรม ชอบมากถึงกับฮำเพลงเบา ๆ

ครูองอาจ : เป็นยังไงบ้างครับ....เมื่อเช้าไปชมกิจกรรมน้องอนุบาล

มิลว์: ...สนุกมากเลยคะคุณครู...น้องน่ารักมากค่ะ


กี้ : ชอบเพลงรถไฟนะคะ.....น่ารักดี


............ หญิงทำตาโต....เหมือนคิดอะไรได้.....

หญิง : … อุ๊ย....กี้...หนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ...ได้ดูไหม..สนุกมากเลยจ๊ะ..(หญิงไปดูที่โรงหนังมา)..

กี้ : หนังโรงเหรอหญิง...เขาไม่มีตังค์ไปดูหรอก...บัตรตั้ง 70 บาท นะ

หญิง : ไม่เป็นไรจ๊ะ...พี่เขามีแผ่น CD เดี๋ยววันหลังจะยืมมาที่โรงเรียนให้ครุองอาจช่วยเปิดให้ดูยามว่าง...นะคะคุณ ครู..(ทำเสียงออดอ้อน)..

ครู องอาจ : ....ได้ครับ....แต่ช่วงว่างนะครับ...(คิดสักครู่)...คาบบ่าย..วันพฤหัส ชั่วโมงอิสระแล้วกัน..จะเปิดให้ครูครับ..เจอกันที่ห้องมัลติมิเดียร์...


..........เย้......เสียงเด็ก ๆ ไชโยดีใจ......


ครูองอาจ : พวกเรานี่ชอบรถไฟนะ.....ว่าแต่..ใครเคยขึ้นรถไฟบ้างครับ...(หลายคนยกมือ)..


เช็ค : ผมขึ้นเป็นประจำครับ...ไปเยี่ยมย่าที่อุบล

ครูองอาจ : ...แล้ว...รู้ได้ยังไงครับว่า...รถไฟจะไปที่ไหน..เวลาเท่าไหร่..... ....ครูองอาจเริ่มโยงเข้าสู่บทเรียน....

เช็ค : ...อ๋อ...มันจะมีตารางเวลาครับ...ดูง่ายครับครู...อยู่ที่สถานีรถไฟนั่นแหละครับ

ครูองอาจ : ...แต่...เอ...ทำไมรถไฟที่ครูไปขึ้นดูตารางยาก ๆ ครับ

เช็ค : ...เอ๊ะ.....ยังไงครับครู

..... เข้าแก๊บครับท่านผู้อ่าน.....

ครูองอาจ : ตารางของรถไฟ 3 ขบวนวิ่งจากเมือง A ไปยังเมือง B , C และ D ตามลำดับ ด้วยความเร็วเท่ากัน ตารางแต่ละสถานีเป็นดังนี้


เด้ก ๆ และ ท่านผู้อ่าน ช่วยเติมเวลาที่เหลือในช่องว่างด้วยนะครับ



7 ธ.ค. 2552

ข้อสอบ เอ็ด-โน........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)







......เดือนกุมพาพันธ์นี้....เด็ก ๆ นักเรียนชั้นป.6 ทุกคนจะต้องสอบ โอเน็ท อีกแล้วครับ....เพราะ สพฐ อยากจะรู้ระดับคุณภาพเด็ก ๆ ทั่วประเทศไทย จึงได้ให้ สทศ. จัดสอบ....


ครูองอาจ : เมื่อวานเห็นพวกเราเอาดินสอ 2 B มา....เอามาทำอะไรเหรอครับ


อ้าย: เอามาฝนข้อสอบครับ....ครูยิ้มให้เราฝึกทำเพราะพวกเราไม่เคยทำข้อสอบมาก่อนเลย


........... เป็นความจริงครับท่านผู้อ่าน.....ที่โรงเรียนเด็ก ๆ ไม่เคยทำข้อสอบเลย....เพราะทางโรงเรียนไม่นิยมวัดความเข้าใจเด็ก ๆ โดยใช้ข้อสอบ...แต่จะใช้การประเมินตามสภาพจริงแทน ได้แก่ การดูชิ้นงาน ดูกระบวนการ แฟ้มสะสมงาน สังเกต สัมภาษณ์ พูดคุย อย่างนี้มากกว่า.....


จ๋อมแจ๋ม : เมื่อวานวิชาพาละศึกษาเต็ม 25 เขาถูกแค่ 6 คะแนนเอง

.....(ที่จริงแล้วจ๋อมแจ๋มเล่นกีฬาเก่งมาก )..

ปาล์ม : วิชาการงาน เต็ม 30 เขาได้แค่ 5 เอง แจ๋ม


...(ปาล์มเป็นลูกอีสานขนานแท้ ..ทักษะชีวิต หากบ หาปลา เกี่ยวข้าว ทำนา เก่งมากอย่าบอกใครเชียว เพราะถูกเลี้ยงมาให้พึ่งตนเอง )..

.......ครูองอาจนิ่งคิดอย่างจริงจังสักครู่....ก่อนจะพุดว่า...........


ครูองอาจ : ....ช่างเถอะครับเด็ก ๆ ......ได้กี่คะแนนก็ช่างเถอะ ...วิชาพาละเด็ก ๆ รักการเล่นกีฬา คุณครูก็คิดว่าสุดยอดแล้วแหละครับ....ส่วนวิชาการงาน...เด็ก ๆมีทักษะในการใช้ชีวิตเองได้...คุณครูก็ยกนิ้วให้พวกเราแล้วแหละ...


..........เด็ก ๆหลายคนนิ่งเงียบ....หรือบางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่ครูองอาจพุด......


ครูองอาจ : เอ้า....ได้เวลาสนุกกันแล้ว.....วันนี้คุณครูมีเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งเขาเดินทางไปสอบ เอ็ด-โน ครับ



.....เดียวทำหน้าตาฉงน...พลางคิดในใจว่าทำไมไม่เป็นโอ-เน็ท เหมือนเรา ......ครูองอาจเริ่มเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน.....


เดียว : เป็นยังไงเหรอครับ

ครูองอาจ : ต๊อกแต๊ก ทำแบบทดสอบ เอ็ด-โน ที่มี 25 ข้อ

ถ้าตอบถูกจะได้ข้อละ 4 คะแนน ถ้าตอบผิด จะได้ข้อละ 1 คะแนน

ผลปรากฎว่าเขาได้ 65 คะแนน เอ.....เขาทำข้อสอบถูกกี่ข้อนา



้่้ีั่ีั่ีึเด็ก ๆ หลายคน พยามนั่งคิดให้ได้คำตอบ ...แต่คิดยังไงก็ยังไม่ได้คำตอบซักที.... เลยหยิบสมุดทดมาลองออกแบบ Model ดูเผื่อบางทีจะช่วยให้ได้คำตอบเร็วขึ้น

คุณผู้อ่านคิดว่าถูกกี่ข้อครับ

2 ธ.ค. 2552

ประกาศจากองค์การ NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงๆหรือ?

มีการพูดถึง “Pole Shift” แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว และอาจทำให้มีผลกระทบกับมนุษย์ น้ำอาจจะท่วมโลก ทั้งเรื่องดาวฤกษ์ที่ค้นพบใหม่ดวงหนึ่งที่อาจจะชนโลกได้ ในปี พ.ศ. 2555 หรือ ค.ศ. 2012 นี้

แต่มีความคิดเห็นหนึ่งที่ทำให้เราสบายใจ และสิ่งที่เรากลัวจะไม่เป็นความจริง ว่า “ลองไปอ่านดูจะพบว่าที่เขาทำนายคือ แกนเม่เหล็กของ"ดวงอาทิตย์" จะพลิกกลับขั้วตอนปี 2012 ไม่ใช่โลก
ซึ่งการกลับขั้วของดวงอาทิตย์จะเกิดทุกๆ 11 ปี ซึ่งเป็นวงรอบจำนวนของจุดดำบนดวงอาทิตย์ด้วย
สงสัยคนแปลคงจะสับสนระหว่างการกลับขั้วของดวงอาทิตย์กับโลก เลยเอามาโยงเข้าด้วยกัน
และการกลับขั้วของดวงอาทิตย์ก็ไม่มีผลอะไรน่ากลัวด้วยซ้ำ เพราะมันกลับมาหลายรอบแล้ว ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย แล้วที่เค้าทำนายจริงๆว่าแกนแม่เหล็กโลกจะกลับขั้วนั้นเมื่อไหร่?
จะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ระหว่าง 5พันถึง 50 ล้านปี แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
อีกทั้งกระบวนการในการกลับขั้วนั้นยาวนานเป็นพันๆปีด้วยซ้ำ
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การพลิกกลับขั้วแม่เหล็กอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้”

แต่ที่เป็นจริงยิ่งกว่าคือ โลกเราร้อนขึ้นทุกๆ ปี และมีสถิติยืนยันว่าอุณหภูมิของโลกได้สูงขึ้น แน่นอนว่าโลกร้อนมีผลกระทบกับมนุษย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ถึงอย่างไรเราอย่าประมาทนะคะ “สึนามิ” ยังไม่มีใครรู้ล่วงหน้าเลย
“อย่าประมาทในชีวิตที่มีอยู่น้อยนิดนี้”