21 เม.ย. 2558

ครู + เด็กๆ >> ความงอกงาม.


ครู :; ผู้สร้างความสัมพันธ์กับลูกศิษย์ในมิติของการเป็นมนุษย์.

_ในโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาครูไม่ได้เน้นที่การสอน แต่ครูจัดให้ลูกศิษย์ได้เกิดกระบวนการเรียนรู้
การสอนกับการเรียนรู้ของศิษย์..ไม่เหมือนกันแตกต่างกันครับ | นี้คือหัวใจของ Child-center นี่คือ หัวใจในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21


'โลกยุคใหม่ก็คือการเรียน คือ หัวใจ..ไม่ใช่การสอน
หัวใจของโรงเรียนคือการเรียน..ของลูกศิษย์..ไม่ใช่การสอนของครู'


+


'เด็กควรเป็นคนเปลี่ยนแปลงโลก ไม่ใช่ทำตามโลก'

_โลกอนาคตที่เด็กๆ จะต้องเผชิญเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน ทั้งขีดจำกัดของทรัพยากร ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการล้นทะลักของข้อมูลข่าวสาร 

*ในขณะที่การศึกษาในปัจจุบันมีลักษณะเหมือนโรงงานอุตสาหกรรมที่พยามยามทำให้ทุกคนมีความรู้ชุดเดียวกัน ละเลยทักษะที่จำเป็น เน้นการแข่งขัน ซึ่งไม่อาจตอบโจทย์ในการดำรงชีวิตในโลกอนาคตได้

V V
V
ชิ้นงาน- ความงอกงาม

_ความงอกงามของศิษย์..เขาถ่ายทอด 'ความเข้าใจ'ผ่านชิ้นงานที่หลากหลาย..

*เด็กๆทุกคนเขาได้รับความรักจากครูในฐานะเป็นตัวเขา
เขาอาจจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ครูก็รัก
เขาอาจจะซน แต่ครูก็รัก
บางครั้ง..
เขาอาจทำผิด แต่ครูก็ยังรัก

...ครูให้ความรักศิษย์แบบไม่มีเงื่อนไข..
"ครูนอกกะลา"

5 เม.ย. 2558

บทเรียนชีวิตของพ่อ สอนลูกทั้ง 5 คน

ผมทำBody scan เด็ก ม.1 ในขณะที่เด็กกำลังดำดิ่งเข้าสู่การหลับใหลผ่อนพัก-ตื่นรู้
ผมอ่านเรื่องราวดีๆให้ศิษย์ฟัง เรื่องนี้ครับ..

"กาลครั้งหนึ่ง.. 
ยังมีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่งในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็นหัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำมีรายได้
ดีมาก แต่คุณลุงท่านนี้ไม่เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดีใครมาหยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด
คุณลุงมีเพื่อนเยอะมาก
จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการทำงาน ปรากฏว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน 
คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน
เมื่อคุณลุงไม่มีเงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกๆ ทั้ง 5 คน
วันจันทร์ ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น “ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้านลูกคนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริงๆ”
วันอังคาร ก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลาน และลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น “รำคาญคุณปู่จังเลยกับข้าวที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลยทำไมคุณปู่ไม่ไปบ้านอื่นบ้าง” เป็นเช่นนี้ตลอด

คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที ก็ถูกลูกบ้าง ลูกเขยบ้าง ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด แต่คุณลุงก็ต้องทน เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว
อยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูกๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า “พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปีนะลูก เพราะเพื่อนพ่อที่เป็นเจ้าของเหมืองทองคำมันเขียนจดหมายมาขอร้องให้พ่อไปช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน พ่อจำเป็นต้องไปช่วยเขาจริงๆ” 
ลูกๆ ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้คุณลุงท่านนี้ไปให้พ้นๆ จะได้ไม่เป็นภาระอีกต่อไป เมื่อครบ 2 ปี คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้อมกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไปไหนแกก็ลากไปด้วยลูกๆ ก็พากันแปลกใจและถามว่า “ลังอะไร” 
คุณลุงตอบว่า “เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำของเพื่อน ถ้าใครดูแลพ่อจนถึงวาระสุดท้ายก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด” 
ปรากฏว่า
ลูกๆ พากันตื่นเต้น ต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่
วันจันทร์ คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจบีบนวดให้ หาของกินดีๆ มาให้ แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มาตามให้ไปอยู่ด้วย 
และก็เช่นกันยังไม่ทันไรลูกสาวคนที่สาม ก็มาตามให้ไปอยู่ด้วยอีก ปรากฏว่าลูกๆ ทั้ง 5 คน ของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจและปรนนิบัติคุณลุงท่านนี้อย่างดี แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลังเหล็กใบนี้ไปด้วยตลอด

เวลาผ่านไป 7 ปี คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูกๆ ทุกคนพากันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อแบ่งสมบัติกัน ลูกสาวคนโตเป็นคนเปิดฝาลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่งและมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้องๆ ฟัง เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า
ถึงลูกๆที่รักทุกๆคน ก่อนอื่นพ่อต้องขอขอบคุณ
ก้อนหินทุกๆก้อนในลังเหล็กใบนี้
ที่ได้เลี้ยงดูชีวิตพ่อจนถึงวาระสุดท้ายพ่อขอให้ลูกๆแบ่งก้อนหินในลังเหล็ก
ใบนี้คนละเท่าๆกัน เพื่อเป็นอนุสรณ์
เตือนใจให้พวกเจ้าหมั่นเก็บออมเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อเวลาที่พวกเจ้าแก่ตัว
ลง จะได้ไม่มีชีวิตที่น่าสมเพชเยี่ยงพ่อ
รักลูก จากพ่อ"

_เรื่องนี้ทั้งผมและเด็กที่ได้ฟังต่างซาบซึ้งกับเรื่องราว
การสอนวิชาชีวิต จากบทเรียนกรณีของชีวิต..โดยไม่มีใครสรุปแง่คิด.