30 ส.ค. 2553

ถ้าฉันมีเงิน 1,000,000 บาท...


วันอังคารที่ 24 สิงหาคม 2553 เวลา 13:00 น. – 14:00 น.
     นักเรียนชั้น ป.5 มาเรียนกันน้อยมากๆ มาเรียนเพียง 11 คน จากนักเรียนทั้งหมด 27 คน คาบนี้ผมให้นักเรียนเขียนแสดงจินตนาการของนักเรียนแต่ละคนว่า “ถ้าฉันมีเงิน 1,000,000 บาท” ฉันจะนำเงินไปซื้ออะไรบ้าง?..
ผลงานบางส่วนของนักเรียน ชั้น ป.5
โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา 53
 
 เด็กหญิงนิตต์ชญาณ์ สงวนรัมย์(พี่ออม) เลขที่ 14 พี่ออมพึ่งเอาชิ้นงานมาส่งผมเมื่อเช้านี้เอง(เพราะสัปดาห์ที่แล้วป่วย) วันแต่ก็ยังติดตามทำงานค้างมาส่งคุณครู แถมยังใจดีแบ่งเงิน 10,000 บาท เพื่อซื้อทีวีจอยักษ์ให้ครอบครัว..

เด็กหญิงวิทิตา อุดรโสม(พี่ฟ้า) เลขที่ 12 สาวน้อยร่างเล็ก ทำงานเสร็จก่อนใครอย่างรวดเร็วไวทุกครั้ง พี่ฟ้าเป็นนักเรียนที่ชอบระบายสีของชิ้นงานมากๆ แต่ละครั้งสีสันของชิ้นงานของพี่ฟ้าจะได้รับคำชมในความสวยงาม แถมยังใจดีซื้อบ้านให้แม่และครอบครัวอยู่ 350,000 บาท..

เด็กหญิงปรารถนา พูนศรี(พี่แนน) เลขที่ 7 พี่แนนเป็นสาวน้อยผิวคร่ำๆ เป็นนักเรียนที่พูดน้อยมากๆ สมัยเรียนอยู่ชั้น ป.4 ที่ผมมาสอนปีแรก แต่มาอยู่ชั้น ป.5 คงอัดอั้นเหลือคณา แต่พอมาอยู่ ชั้นป.5 พูดกับผมอย่างสนุกเฮฮา แถมยังใจดีซื้อนาฬิกา(นาริฬา) 400,000 บาท ..

 เด็กหญิงชุติมา ชัยบุรัมย์(พี่บีม) เลขที่ 5 เพื่อนๆ ต่างก็เรียกเขาว่า พี่บีม(ชุ) เพราะ ป.5 มีคนซื้อบีมอยู่ตั้ง 4 คน ทุกครั้งที่ให้นักเรียนเขียนใบงาน ผมจะให้นักเรียนเขียนงานที่ด้านหลังทุกครั้ง(ถ้าเป็นกระดาษ 2 หน้า) มี 2 ประเด็นหลักๆ ก็คือ สิ่งที่หนูทำได้ดีแล้ว และ สิ่งที่หนูจะนำไปปรับปรุง..


24 ส.ค. 2553

อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้!...


“ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่!!
 ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ”


     การเรียนการสอนผ่านเรื่องเล่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้เริ่มต้นการเรียนการสอน เพื่อเป็นอีก 1 วิธีที่ดึงดูดความสนใจผู้เรียน ทำให้บรรยากาศในการเรียนการสอนเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ ผมมีตัวอย่างเรื่องเล่าที่ผมประทับใจที่ผมเล่าให้นักเรียนชั้น ป.4 –ป.6 ฟังก่อนสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องนี้เป็นการสอนการดำเนินชีวิตของคนแต่ล่ะคนแตกต่างกัน ซึ่งเป็นอีก 1 วิถี ที่สามารถสอดแทรกแง่คิดไว้ในเรื่อง..

เรื่องมีอยู่ประมาณว่า..


หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่งเสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่ามีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ กำลังรับสมัคร นักการภารโรง ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา จึงนั่งรถมากรุงเทพฯและเดินกางแผนที่(ที่เพื่อนเขียนให้) สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้น ซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ..

เมื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่งและยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความนายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆ ยกมือไหว้แล้วบอกอ่อย ๆ กับเจ้าหน้าที่ว่า..
"ขอโทษครับพี่ผมคือว่า..ผม!! อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ.." เจ้าหน้าที่ที่นั่งรับสมัครอยู่นั้นชักสีหน้าทันที
"อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียนฯ ถึงจะตำแหน่งแค่ นักการภารโรง ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก เขียนได้ บ้างแหละ.." หนุ่มบ้านนอกหน้าซีดยกมือไหว้เจ้าหน้าที่
"ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่!! ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ.."
"งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก.." เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัคร กับปากกาที่วางไว้ให้คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย
"เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะอย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิ ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะ
กลับไปเถอะ.."

หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียนที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอยและเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพฯ ก็จึงต้องจำใจ กำเงินจำนวนสุดท้ายนั่งรถซมซานกลับบ้านอย่างนกปีกหัก..

แต่เมื่อกลับถึงบ้านจึงนึกขึ้นได้ว่า ตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดกเป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตายมาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความเจ็บใจจึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียม หักร้างถางพง ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น
และค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อย อย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน..

อาจเป็นบุญของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ที่ปรากฏว่า หลายปีต่อมาสวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้นออกผลอย่างงดงามและสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียงขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้นและกว้างขึ้น..

หลายสิบปีต่อมาจากความขยันขันแข็ง มานะอดทนและประสบการณ์ที่เพิ่มพูน
บัดนี้ หนุ่มบ้านนอกคนนั้นก็กลายเป็นชายชราที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของพ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดและภูมิภาคนั้น..

อยู่มาปีหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาลและชำระบัญชีเรียบร้อย โดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษาและแจกงานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อนนั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอเพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก..

เมื่อแจ้งนามและความจำนงกับธนาคารแล้ว พนักงานถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่ ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อมแล้ว ผู้จัดการก็แตะข้อศอกยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทองให้กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา..
"ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้รบกวนกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ.." พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆ ยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการ พร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ
"พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด ลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก!.." ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีดพลางค่อยๆ อ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ
"เอ่อ..ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ!! เอ่อ..ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับคือ..พวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้แต่.."  ผู้จัดการชะงักด้วยความเกรงใจและในที่สุดก็หลุดปากถามออกมาด้วยความฉงนที่มิอาจเก็บไว้ได้จริงจริง
"แต่พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่ได้หรือครับ.."
"พ่อหนุ่ม" พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี
"ถ้าลุงอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้นะ.." แกถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า..
"ป่านนี้!!.. ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ..."


หลังจากผ่านเรื่องเล่าเตรียมความพร้อมผู้เรียนแล้ว ครูก็จะถามความรู้สึก แง่คิดจากเรื่องดังกล่าวกับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนในชั่วโมงนั้นๆ...

22 ส.ค. 2553

หัวใจเห็ดเมา


อันตัวข้าเกิดมานั้นน่าเศร้า
ใครๆ เขาเรียกขานนานแล้วหนา
เจ้าเห็ดเมาพวกเราโดนตีตรา
พอเห็นหน้าเขาก็เมินเดินหนีไป

หากบนโลกขาดเห็ดเมาเช่นเรานี้
หมายถึงดินทุกที่ไม่มีสารอาหารให้
ที่ใดมีเห็ดย่อมชุมชื่นเบิกบานสำราญใจ
ดั่งหนอนน้อยคลานชอนไชใต้ใบเรา

ลองหยุดมองตรองดูอีกสักนิด
ว่าเห็ดเมาเห็ดพิษผิดตรงไหน
หากเลือกเกิดเองได้คงสบายใจ
จะไม่ขอเกิดเป็นอะไรในโลกา

ในเมื่อเกิดมาแล้วไม่แคล้วคลาด
อย่าทำตัวขี้ขลาดนักเลยหนา
หากมัวเศร้าเหงาใจใครนำพา
ต้องตามทันวันเวลาที่เปลี่ยนไป

ดูอย่างข้าเห็ดเมาเอาเยื่องอย่าง
ผู้คนต่างสมน้ำหน้าว่าเสียๆ หายๆ
ข้าก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวทั้งใจกาย
แม้ต้องตายข้า็ก็ยอมพร้อมจำนน

จงอย่าเผลอหยิบเราเอาเข้าปาก
ถ้าไม่อยากจากโลกไปไกลสุดโข
เดินเข้าป่าเห็นพวกเราเขาตาโต
จงอย่าโง่เสร็จพวกเราเห็ดเมาเอย

เจ้าสนิมสร้อย


อันตัวเจ้าขาวปุกปุยดั่งปุยฝ้าย
กระโดดไปที่ไหนๆ ใครพบเห็น
ต่างชื่นชมในตัวเจ้าทั้งเช้าเย็น
พอมองเห็นเจ้าที่ไรใจชื่นบาน

อันตัวข้ามีนามว่าสนิมสร้อย
เป็นกระต่ายตัวน้อยน่าสงสาร
เจ้าเคยมีเพื่อนเล่นมาช้านาน
แล้ววันวานผ่านไปใยไม่มี

เที่ยวเดินตามถามไถ่ใครเห็นบ้าง
เพื่อนน้ำค้างกับขาวผ่องทั้งสองสี
น้ำค้างมีสีน้ำตาลแกมขาวบ้างบางที่
ส่วนขาวผ่องนั้นมีสีดำทั่วทั้งตัว

ทั่งสองได้หายไปหลายวันแล้ว
ไม่รู้แมวหรือหมามาคอยป่วน
เห็นกระต่ายไม่ได้ชอบก่อกวน
หรือทั้งคู่มรณาเพราะหมากิน

หากที่กล่าวเป็นจริงยิ่งน่าเศร้า
เพราะว่าเจ้าสนิมสร้อยนั่งคอยหา
เพื่อนสองตัวเมื่อไหร่จะกลับมา
อนิจจาเจ้ากรรมกลับซ้ำเติม

สิ่งที่ว่ากล่าวมาคืออดีต
มันถูกขีดเอาไว้หมดแล้วน้องแก้วเอ๋ย
ไม่สามารถขัดขืนเอาคืนมาได้เลย
สุดจะเอ่ยออกไปให้ใครฟัง

ขอมอบกำลังใจให้กับสนิมสร้อย
เจ้ากระต่ายตัวน้อยผู้น่าสงสาร
ขอให้เจ้าจงมีสุขทุกวันวาน
อย่าได้พาลพบหมาแมวแคล้วคลาดเอย

น้อยหน่า...ของพี่สาว


วันนี้ได้น้อยหน่ามาสองลูก
ไม่ได้ปลูกแล้วมาได้ยังไงหนอ
ก่อนจะรู้ที่มาของมันท่านโปรดรอ
ข้าจะขอบอกความนัยของใจตน

นานมาแล้วมีเด็กน้อยผู้น่ารัก
ฝนตกหนักทีไรใจสับสน
คอยคิดถึงแต่มะม่วงที่ร่วงหล่น
กลัวว่าคนอื่นเขาจะเอาไปกิน

ในสวนยายมีผลไม้หลายชนิด
ไม่เคยคิดเก็บมาน่าฉงน
พูดไปพูดมายิ่งวกวน
แท้ที่จริงเพราะไม่มีคนมาแย่ง มาแข่งกัน

มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า
ถึงน้อยหน่าที่ว่ามาตั้งแต่ต้น
มีพี่สาวผู้น่ารักอยู่หนึ่งคน
เดินเวียนวนถือถุงพะรุงพะรัง

พี่แกเดินไปทั่วทัวร์ทุกห้อง
พร้อมทั้งร้องตะโกนหาว่าอยู่ไหน
เคาะประตูห้องโนนห้องนี้เรื่อยๆ ไป
จนสุดท้ายมาห้องเราเข้าพอดี

ทันใดนั้นเสี่ยงเคาะดังจากข้างนอก
จึงตะโกนบอกออกไปนั้นใครหนา
เสียงตอบรับนั้นดังทะลุเข้ามา
"พี่แจ๋วจ้า" มีของฝากจากบ้านเรา

พอได้ยินว่าของฝากก็อยากได้
คิดในใจว่าจะได้อะไรหนอ
พร้อมกับเปิดประตูออกไปไม่รีรอ
รู้แล้วหนอว่าใครให้น้อยหน่ากับข้าเอย.....

เรื่องน้อยหน่ายังไม่จบเพียงแค่นี้
มันยังมีอีกอย่างค้างไว้ในใจข้า
อยากจะบอกถึงพี่แจ๋วที่แล้วมา
อันน้อยหน่าที่ให้ถูกใจจัง

แต่มันมีอีกอย่างที่ตัวข้านั้นอยากเล่า
หากพี่เจ้าฟังแล้วอย่าถือโทษโกรธเลยหนา
น้อยหน่าที่พี่ให้มันดิบกินไม่ได้ต้องใช้เวลา
โอกาสหน้ามีอีกขอที่สุกกินได้ทันใจเอย.....

.....ขอบคุณพี่แจ๋วที่น่ารักค่ะ.......รักหรอกจึงหยอกเล่น......







วันวานที่ผ่านพ้น....


...ฝนมา ฟ้าหม่น คนเศร้า
แสงแดด แผดเผา เราร้อน
สายลม โชยเอื่อย เหนื่อยอ่อน
อาทร ต่อข้า เถอะฟ้าลม...


...ชาวนา รอฟ้า รอฝน
อดทน เพื่อลูก เพื่อหลาน

ฝนมา ชาวนา ได้ทำงาน

เบิกบาน ดวงใจ คลายเศร้าตรม...



...ปลายฝน ต้นหนาว ข้าวท้อง
เมียงมอง ออกไป ไกลโข

เห็นข้าว ตัวอ้วน ท้องโย้
ออกรวง ให้ข้าว เรากิน...


...ถึงครา ชาวนา เก็บเกี่ยว
ทุกคน ถือเคียว ออกทุ่ง

เกี่ยวข้าว ในนา ทั้งป้าลุง

หอมฟุ้ง กลิ่นข้าวทอง สองข้างทาง...



...หนูน้อย วิ่งตาม แม่พ่อ
ร้องขอ ดนตรี สร้างสีสัน

ปี่ข้าว เอามา แบ่งปัน

สร้างสรรค์ บรรเลง เพลงปี่เอย...

20 ส.ค. 2553

เทียนเล่มน้อย



ครูคือเทียนส่องทางสร้างคน เป็นคน ด้วยผลของการศึกษา
ครูจึงเป็นบุคคลล้ำ่ค่านำพา ประชาและชาติสดใส
ครูอยู่ที่ไหน เจริญรุดไปที่นั้น
เพราะครูคือผู้สร้างสรรค์ ส่งเสริมภูมิปัญญา
ดังแสงเทียนจุดท่า ต้านพายุแรงล้มเป่า
มิเคยมอดดับอับเฉา ดับเพียงโงเหขลาของคน
(สร้อย) ครูหวังตั้งใจให้การศึกษา (ซ้ำ)
ส่งเสริมวิญญายอยกจิตชล (ซ้ำ)
ส่งเสริมดรุณสร้างบุญกุศล (ซ้ำ)

สร้างฐานะตนเรียนรู้สิ่งปวง ครูเหมือนเทียนเล่มน้อย
แต่มีแสงลอยโชติช่วง แม้นรวมเป็นหมื่นแสนดวง
ย่อมพาโลกนี้สว่าง ชีวิตครูแจ่มใส มิใช่เรือแจวจ้าง
ขอครูจงอย่าระคาง ถ่อยคำคนเขลาเย้ยให้

(ซ้ำ สร้อย)



18 ส.ค. 2553

หนาว


....ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ใจยิ่งหนาว
แม้นสายลมแผ่วเบาก็หนาวได้
สายฝนพรำโปรยมาแค่หนาวกาย
ยามโดดเดี่ยวเดียวดายฤทัยตรม......

...ยามสายลมพัดผ่านกาลนั้นเปลี่ยน
คอยวนเวียนเปลี่ยนไปให้ใจเหงา
นำฝนมาพาฟ้าครึ้มหล่นแผ่วเบา
ทำใจเราเศร้าไปในไวพลัน...


...หากหนาวกายคลายไ้ด้โดยห่มผ้า
แต่หนาวใจนั่นหนาไร้ผ่าห่ม
หนาวยามใดไร้คู่ไร้ชู้ชม
ต้องตรอมตรมหนาวใจไร้คนมอง..
.

สายลม


หากใจนิ่งไหนเลยจะกวัดแกว่ง
พอมีแรงลมพัดมาน่าใจหาย
ใจที่เคยนิ่งสงบกระวนกระวาย
เพราะเจ้าสายลมน้อยคอยก่อกวน

...ฝ่ายลมน้อยเอื่อนเอ่ยข้าขอโทษ
จงอย่าโกรธที่พัดผ่านทุกท่านหนา
ข้าตั้งใจมามอบรัก มอบศรัทธา
ขอจงอย่าแปลเจตนาที่ข้ามี

อันตัวข้านำพาแต่ความรัก
ผู้ใดได้ประจักษ์กับรักของข้านี้
แม้ตัวตนของข้ามองหาไม่เคยมี
แต่รักข้ามีให้ไม่ถดถอยลดน้อยเลย


ยิ้ม


ยิ้ม...
เมื่อใดทำให้เราน่ารัก

ยิ้ม...นั้นชักชวนให้คลายหม่นหมอง

ยิ้ม...ทั้งตาปากคิ้ว ช่างน่ามอง

ยิ้ม...ไม่ต้องจ่ายเงิน หรือเชิญมา

ยิ้ม...ไว้เถิดพี่น้องทั้งผองนี้

ยิ้ม...ทุกที่ ทุกคราที่ปรารถนา
ยิ้ม...แล้วสวย น่ารัก ประจักอุรา
...ขอเชิญมาส่งยิ้มกันทุกวันเอย...

9 ส.ค. 2553

Patterning...


     การเรียนการสอนของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาจะไม่มีแบบเรียนตายตัวให้นักเรียน เนื้อหาที่ครูผู้สอนเตรียมมาสอนก็จะหาเนื้อหาที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ล่ะระดับชั้นและสอดคล้องกับหลักสูตรของกระทรวงหรือบางเนื้อหาอาจจะสอนมากกว่าเนื้อหาที่กระทรวงกำหนดไว้ตามพัฒนาการของผู้เรียน..
.
     การเรียนการสอนที่มุ้งเน้นให้ครูผู้สอนเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมมาลงสู้ผู้เรียน เป็นการเรียนการสอนที่ทำให้ครูผู้สอนได้ใช้ศักยภาพในตัวออกมาใช้อย่างเต็มที่และมีความอิสระในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน..
.
การเรียนเรื่องการบวก ผมให้นักเรียนหาผลรวมของเลขคี่จาก 1 ถึง 99
  การเรียนการสอนในเรื่องดังกล่าว ครูผู้สอนจะมีหน้าที่ชี้แนะหรือกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการคิดคล่อยตามโจทย์เพื่อให้นักเรียนจับจุดให้ได้ว่าจาก 1 ถึง 99 มีเลขคี่อยู่กี่ตัว โดยครูผู้สอนจะค่อยชี้แนะนักเรียนโดยใช้คำถามให้นักเรียนคิดตาม เช่น “ผลร่วมระหว่างตัวเลขที่อยู่ปลายทั้ง 2 ด้าน มีค่าเป็นเท่าไรครับ? ถ้านักเรียนยังไม่เห็นภาพ ครูผู้สอนจะใช้คำถามเพื่อเชื่อมโยงให้นักเรียนเห็นภาพ “แล้วพี่ๆ คิดว่า 3+97 มีค่าเป็นเท่าไรครับ?  พอครูใช้คำถามเชื่อมโยงให้นักเรียนเห็นภาพเรื่อยๆ นักเรียนจะเริ่มเห็นภาพของคำตอบชัดเจนขึ้นด้วยตัวเองด้วยความอยากรู้อยากเห็น..
.
ถ้านักเรียนเห็นรูปแบบ(Patterning) นักเรียนก็จะจับจุดได้ว่าจาก 1 ถึง 99 มีเลขคี่อยู่ 50 ตัว สามารถจับคู่ได้ 25 คู่ แล้วนักเรียนก็จะสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องจับเลขมาบวกเรียงกันทีละตัว...

6 ส.ค. 2553

ดำนา ‘ 53 …


     กิจกรรมดำนาของโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาเราจัดขึ้นทุกๆ ปี เพื่อให้เด็กๆ รู้ถึงคุณค่าของอาชีพชาวนา ให้เห็นถึงความยากลำบากก่อนที่เราจะได้เม็ดข้าวมากิน ..
 นักเรียนต่างมีความสุขเมื่อถึงกิจกรรมดำนาของทุกๆ ปี เพราะทุกคนจะได้ไปดำนากับเพื่อนๆ ผู้ปกครอง และคุณครู  ทุกคนต่างช่วยกันทำกิจกรรมอย่างคึกครื้น นักเรียนทุกคนต่างมีความรักความสามัคคีกันเพื่อให้ท้องทุ่งนาของโรงเรียนเราสวยงามไปด้วยพันธุ์ข้าวที่พวกเราร่วมกันปลูก..
ประมวลกิจกรรมดำนา ปีการศึกษา 2553  ..
 รอยยิ้มแห่งความสุขของเด็กๆ นักเรียนในยามเช้าหน้าเสาธง ก่อนกิจกรรมดำนาก่อนกิจกรรมดำนาจะเริ่มต้นในไม่อีกกี่ชั่วโมงที่จะถึง.. ทุกคนใส่ชุดเตรียมพร้อมที่จะลุยร่วมดำนาในครั้งนี้กับเพื่อนๆ ผู้ปกครอง และคุณครู..

 
พี่ๆ นักเรียนระดับประถมศึกษาทุกคน ต่างก็มาเตรียมแถวหน้าตึกอาคารเรียนประถม อย่างพร้อมเพียง ทุกคนมีแววตาที่เปล่งประกายถึงการอย่างมีส่วนร่วมในกิจกรรม..

 ที่แปลงนาข้าวนาข้าวของเรา ก็มีผู้ปกครองและคุณลุง คุณป้า คนงานที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ร่วมกันถอนกล้า เตรียมให้เด็กๆ นักเรียน..

  นักเรียนและผู้ปกครองบางส่วน มาถึงท้องทุ่งก่อนก็เดินลงสู่ท้องท้องอย่างคึกครื้น  ปีนี้เรามีแปลงนาไว้สำหรับให้นักเรียน เรียนรู้วิถีการดำนา 2 แปลง  พอทุกคนก็ต่างตกใจ! เพราะเสร็จไปเสียแล้ว 1 แปลง (ผู้ปกครองใจดีของเรา แอบดำนาให้ลูกๆ ไว้ก่อน)..

 ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ .. เพื่อให้ท้องทุ่งราเราเขียวขจีไปด้วยพันธุ์ข้าว จากหยาดเหงื่อและน้ำพัก น้ำแรงของพวกเรา..

ผักบุ้งในมือหนู.. ผมจะเก็บเอาผักบุ้งไปให้แม่ผมไปทำกับข้าวครับ.. ถึงหนูน้อยคนนี้ได้ผักบุ้งเพียงใบเดียว แต่ผมดูจากแววตาบวกกับความมุ้งมั่นของเขา ผมก็ใจที่เขายังคิดถึงคุณแม่ในเวลาเช่นนี้ (นักเรียนชั้น ป.1)..

 อาหารสำหรับกระต่ายของผม.. นักเรียนคนนี้บอกกับผมว่า ที่บ้านของผมเลี้ยงกระต่ายไว้ ผมจึงเก็บผักบุ้งที่คนอื่นเขาเก็บมาทิ้งไว้ตามคันนามารวมกันไว้ เพื่อให้เจ้ากระต่ายของผมกินผักบุ้งอย่างสุขอุรา..

 เด็กชายมือขาว..นักเรียนคนนี้มีแขนเพียง 1 ข้าง ความมานะของเขาที่จะเก็บผักบุ้งมารวมกันไว้ แล้วเด็ดเอาเฉพาะยอดของผักบุ้งมาไว้ที่เสื้อ โดยเขาต้องเอาปากกัดเสื้อไว้ เขาบอกผมว่าจะเอาผักบุ้งไปกินที่บ้านครับคุณครู(นักเรียนชั้น ป.3)..

 ดำนาเสร็จแล้ว..ทุกคนเดินทางออกจากท้องทุ้งที่เขียวขจีอย่างสุขใจ..

 ช่วยกันล้างตัวให้สะอาดก่อนกลับห้องเรียน ทุกคนต่างมีรอยยิ้มที่งดงาม มีรอยยิ้มที่สดใสเมื่อยังวัยเยาว์..
คุณค่าที่เรามีกิจกรรมดำนาทุกๆ ปี ..
·       เราได้พบปะกับผู้ปกครอง
·       เราได้เขาถึงวิถีเพียงบางส่วนของชาวนา
·       เราได้ความร่วมมือจากทุกคน
·       เราได้รับรอยยิ้มที่งดงาม จากใจของทุกๆ คน..

4 ส.ค. 2553

รากที่ถูกลืม


มุมมองสะท้านรากฝังลึก


เมื่อฉันยังเป็นเด็ก
ฉันถามแม่ว่า
โตขึ้นฉันจะเป็นเช่นไร
จะสวย จะร่ำรวยไหม
แม่ตอบว่า

Que sera, sera
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น
Que sera, sera

อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด

เมื่อฉันยังเป็นเด็ก
ฉันถามแม่ว่า
โตขึ้นฉันจะเป็นเช่นไร
จะหล่อ จะร่ำรวยไหม
แม่ตอบว่า

Que sera, sera
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น
Que sera, sera


ทุกชีวิตมีคุณค่า เติมเต็มทุกชีวิตแรกเกิดให้มีคุณค่าทัดเทียม ไม่ว่าอนาคตของการคลอดจะออกมาเป็นอย่างไร จะสมบูรณ์ จะอัจฉริยะ หรือ จะด้อยโอกาสก็ตาม เป็นการตอกย้ำ The value added of living
การตั้งคำถามให้ได้ฉุกคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงและอาจไม่แน่นอน
บวกกับการสะท้อนทัศนคติชีวิตที่แตกต่างให้ดีที่สุดด้วยวิธีการและเนื้อหาที่เรียบ ง่ายที่สุด

เรื่องราวเริ่มต้นที่งานแสดงดนตรีของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งนำเสนอผ่าน เด็กอายุประมาณ 5 ขวบ จำนวน 30 คน ทั้งชายและหญิงที่กำลังตั้งใจร้องเพลง Que Sera Sera ต่อหน้าพ่อแม่ของพวกเขา

เนื้อหาของเพลงเป็นการตั้งคำถามอันบริสุทธิ์ของเด็กที่มีต่อคุณแม่ ซึ่งไม่ว่าคำถามจะถูกถามว่าอะไร คำตอบที่ได้รับคือ “อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด” ภาพจะค่อย ๆ ถูกเฉลยมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงลักษณะของเด็กแต่ละคนที่สมบูรณ์และพิการแต่แววตาใสบริสุทธิ์ ควบคู่ไปกับคุณแม่ที่บ้างก็มีสีหน้าและแววตาที่ลุ้นลูก ประทับใจลูก หรือแม้แต่เป็นห่วงลูก เรื่องราวได้ดำเนินไปสู่ความนึกคิด การตั้งคำถามกับความจริงของชีวิตบนโลกใบนี้

ภาพตัดสลับไปรับกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 5-6 เดือนท่านหนึ่ง กำลังใช้มือกุมท้อง ข้อความ “ชีวิตเกิดมาแตกต่างแต่ดูแลให้ดีที่สุดได้ “จงมองให้เห็นคุณค่าของทุกชีวิต”

เพียงแต่เรามุุ่งหวังที่จะสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อวิถีการเรียนรู้ โอกาสที่เราท่านทั้งหลายร่วมกันสร้าง

"ชีวิตเกิดมาแตกต่าง แต่ดูแลให้ดีได้"

จาก Que sera, sera สู่ หนังสั้น "เหมือนฝันร้ายที่หลอกหลอน"
เสมือนฝันร้ายที่หลอกหลอน

: คมทวน คันธนู

เรื่อง ราวระหว่างเพื่อนสองคน ใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียน หากแต่นิสัยสองคนต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งจริงจังกับชีวิต แต่อีกคนขี้เกียจตัวเป็นขน และ “เฉื่อย” สมชื่อ เพื่อนผู้จริงจังกับชีวิตคาดหวังว่า ชีวิตของ เฉื่อย จะดีขึ้นหากได้เข้าใจทฤษฎีการเมือง การต่อสู้เพื่อความเสมอภาค เขาสรรหาหนังสือ ถ้อยคำ ทฤษฎีต่าง ๆ มาเล่าสู่เพื่อนฟัง แต่ เฉื่อย ยังมีนิสัยเฉื่อยชา วันยังค่ำ อย่าว่าแต่อ่านหนังสือเลย ห้องหอที่เขาหลับนอนยังรกรุงรัง แม้จะเปลี่ยนชื่อให้เป็น “คล่องศักดิ์” แต่ความเฉื่อยชายังมีอยู่ แม้จะแต่งงานมีเมียไปแล้ว นิสัยของเฉื่อยยังคงเหมือนเมื่อตอนเรียนมัธยม จนเป็นโรคตายไปเสียเฉย ๆ กระทั่ง เพื่อนผู้จริงจังกับชีวิตมาพบความจริงว่า แท้ที่จริงชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ก็เมื่อเขามีเมียที่ขี้เกียจเหมือนเฉื่อย และเมียเขาคนนี้ ก็คือเมียของเฉื่อยที่ฝากไว้ก่อนตาย
รากที่หยั่งลึกในตัวตนของชีวิต สองความต่างที่ทำให้เราได้เรียนรู้

We cannot direct the wind, but we can adjust the sails.

เราไม่สามารถกำหนดทิศทางลมได้เอง แต่เราสามารถปรับใบเรือได้

Bertha Calloway


ผมจะไปวาดรูปมาติดบอร์ดคณิตฯ ให้คุณครูนะครับ ...


นักเรียนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมแล้วบอกกับว่า..
 คุณครูป้อมครับ! ทำไมบอร์ดคณิตศาสตร์เราไม่ค่อยมีสีสันเหมือนบอร์ดวิชาอื่นเลยล่ะครับ?” นักเรียนคนนั้นถามคุณครูด้วยความสงสัย
ครับ! แล้วพี่ปองคิดว่าเราจะช่วยครูทำอย่างไรล่ะครับให้บอร์ดคณิตศาสตร์เราดูมีสีสันเหมือนบอร์ดของวิชาอื่นๆ ล่ะครับ” ครูถามย้อนกลับ เพราะสงสัยลึกๆ ว่าเขาจะทำอะไรมาตกแต่งบอร์ดคณิตฯ
ผมเห็นบอร์ดวิชาภาษาไทย วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาบูรณาการหรือวิชาโครงงาน บอร์ดอื่นเขาวาดรูปมาตกแตงสวยงามมากๆ เลยครับคุณครู” พี่ปองอธิบายเปรียบเทียบบอร์ดติดโชว์ผลงานนักเรียนแต่ล่ะวิชา
ดีมากเลยครับพี่ปอง เดี๋ยวครูจะรอดูนะครับว่าพี่ปองจะวาดรูปอะไรมาติดบอร์ดคณิตศาสตร์ของ ป.6 เรานะครับ” ครูพูดกระตุ้นให้พี่ปองเอางานติดบอร์ดเพื่อเพิ่มสีสัน
ครูป้อมรอดูนะครับ ผมจะวาดให้สวยๆ เลยครับ!”
ครับ! ครูป้อมจะรอดูครับ”
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาผมก็รอดูผลงานที่พี่ปองจะไปทำงานมาติดบอร์ดให้ผมดู แต่วันแล้ว วันเล่า บอร์ดคณิตศาสตร์ที่ผมรอดูก็ยังว่างเปล่า

1 สัปดาห์ผ่านไป ..
ผมเกิดความสงสัยว่าทำไมงานที่ปองที่จะไปวาดมาให้สวยที่สุดของเขามีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ด้วยความที่ผมอยากรู้ในงานที่พี่ปองไปทำมา ผมจึงเดินเขาไปคุยกับพี่ปองในวันแรกของสัปดาห์ที่ 2 หลังจากวันนั้น..
พี่ปองครับ! เป็นไงบ้างครับงานที่พี่ปองว่าจะไปทำมาตกแต่งบอร์ดคณิตศาสตร์ ป.6 ที่เราคุยกันไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ?” ผมเดินเขาไปถามความคืบหน้าของงานกับพี่ปอง
ใจเย็นสิครับคุณครู ผมกำลังทำอยู่ครับ!” พี่ปองตอบคำถามด้วยท่าทีอยากอุบงานเก็บไว้ ยังไม่ต้องการให้ครูทราบ
ผ่านไปเป็นสัปดาห์แล้วนะครับ!”
งานที่ผมทำมาติด มันสวยมากๆ เลยนะครับคุณครู”
ครับ! แล้วพี่ปองคิดว่างานที่ทำจเสร็จวันไหนครับ?”
อีกวัน สองวัน นี้แหล่ะครับ ผมจะเอามาติดให้ครูป้อมตกใจในความสวยเลยครับ”
จริงๆ นะครับคร่าวนี้ ครูจะรอดูนะครับ”

วันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ 2 ..
เช้าตรู่ของศุกร์สุดสัปดาห์ ผมเดินมาถึงโต๊ะทำงานของผมที่ห้อง ป.6 ผมว่างกระเป๋าเสร็จแล้วนั่งลงผมก็เหลือบมองเห็นกระดาษ 1 แผ่นเล็กๆ ขนาดกระดาษ A4 มาว่างไว้ที่บนโต๊ะทำงานของผมโดยมีที่ทับกระดาษบนโต๊ะทับเอาไว้อย่างดี ผมอดสงสัยไม่ได้ผมก็เลยหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู ผมเจอรูปการ์ตูน 1 ตัว ในกระดาษแผ่นนั้นการ์ตูนตัวนั้นระบายด้วยสีส้มโทนอ่อน(ตัวการ์ตูนคล้ายๆ ตัวการ์ตูนโงกุน) ผมเลยถามนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนชั้น ป.6 ขณะนั้นและก่อนหน้านี้หลายต่อหลายคน แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นงานของใครนำมาว่างไว้ให้ จนกระทั่งนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติกันเสร็จ..
 คาบแรกของนักเรียนชั้น ป.6 เป็นวิชาคณิตศาสตร์ ผมสอนนักเรียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งให้นักเรียนทุกคนขึ้นทำงานที่โต๊ะของแต่ละคน ผมก็เลยนึกขึ้นได้ว่าพี่ปองจะเอารูปที่เขาวาดมาติดบอร์ดคณิตศาสตร์ให้ผม ขณะนั้นเองที่นึกได้ผมเลยเดินเข้าไปหาพี่ปองแล้วนำกระดาษแผ่นนั้นให้พี่ปองดู แล้วผมเลยถามพี่ปอง..
พี่ปองครับ! รูปนี้พี่ปองวาดหรือเปล่าครับ” ผมสอบถามพี่ปองกับกระดาษแผ่นนั้น
ครับผมวาดเอง สวยไหมล่ะครับ” พี่ปองตอบอย่างภูมิใจ
สวยมากครับ! ขอบคุณนะครับ” ผมชื่นชมในผลงานของเขา
ผมจะไปทำมาเพิ่มให้ครูอีกครับ”  พี่ปองขออาสาไปวาดรูปมาเรื่อยๆ  ให้คุณครู
 พี่ปองเป็นนักเรียนที่มีความสามารถในด้านการครุ่นคิดทางคณิศาสตร์มาก แต่เป็นคนที่ทำงานช้ามากๆ เพราะเขาจะเป็นคนที่ชอบนำปัญหากลับไปคิดต่อ คิดแล้วคิดอีก จนกระทั่งเขาเข้าใจเขาจึงนำคำตอบกลับมาบอกผม เช่น ครั้งหนึ่งผมถามโจทย์คณิตศาสตร์เขา 3 ข้อ แต่ในชั่วโมงนั้นเขาทำเสร็จเพียง 2 ข้อ ในเวลาที่กำหนด พี่ปองบอกผมว่า.. 

"ผมขอเอาไปทำต่อเป็นการบ้านนะครับคุณครู” ผมก็อนุญาติให้เอาไปทำต่อเป็นการบ้าน
เป็นเวลาผ่านไปหลายวันมากๆ จนผมสอนเรื่องใหม่ๆ ให้พี่ปองผ่านไปเกือบ 2 เรื่องแล้ว และแล้วพี่ปองก็นำคำตอบของโจทย์ข้อที่ 3 ที่เขาขอกลับไปทำเป็นการบ้านเมื่อ 2-3 สัปดาห์ ก่อนมาส่งผม..
 .
ที่น่าประทับใจยิ่งนัก..
วันที่ส่งงานรูปวาดของพี่ปองนั้นเอง ผมพึ่งรู้ความเป็นมาของเรื่องราวรูปเล็กๆ แผ่นนั้นจากน้องสาวของพี่ปอง(พี่ฟ้า ป.4) บอกกับผมว่า..พี่ปองตั้งใจทำงานชิ้นนี้มากเลยนะค่ะ วันที่มาส่งงานพี่ปองตื่นแต่เช้ารีบปลุกหนูลุกมาอาบน้ำ ทานข้าว ฯลฯ เพื่อที่จะมาโรงเรียนให้ทันก่อนที่ครูป้อมจะมาถึงโต๊ะทำงานในวันสุดท้ายของ Quarter 1 ...