24 ส.ค. 2553

อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้!...


“ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่!!
 ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ”


     การเรียนการสอนผ่านเรื่องเล่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้เริ่มต้นการเรียนการสอน เพื่อเป็นอีก 1 วิธีที่ดึงดูดความสนใจผู้เรียน ทำให้บรรยากาศในการเรียนการสอนเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ ผมมีตัวอย่างเรื่องเล่าที่ผมประทับใจที่ผมเล่าให้นักเรียนชั้น ป.4 –ป.6 ฟังก่อนสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องนี้เป็นการสอนการดำเนินชีวิตของคนแต่ล่ะคนแตกต่างกัน ซึ่งเป็นอีก 1 วิถี ที่สามารถสอดแทรกแง่คิดไว้ในเรื่อง..

เรื่องมีอยู่ประมาณว่า..


หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่งเสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่ามีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ กำลังรับสมัคร นักการภารโรง ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา จึงนั่งรถมากรุงเทพฯและเดินกางแผนที่(ที่เพื่อนเขียนให้) สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้น ซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ..

เมื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการ จึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่งและยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความนายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆ ยกมือไหว้แล้วบอกอ่อย ๆ กับเจ้าหน้าที่ว่า..
"ขอโทษครับพี่ผมคือว่า..ผม!! อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ.." เจ้าหน้าที่ที่นั่งรับสมัครอยู่นั้นชักสีหน้าทันที
"อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียนฯ ถึงจะตำแหน่งแค่ นักการภารโรง ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษา แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก เขียนได้ บ้างแหละ.." หนุ่มบ้านนอกหน้าซีดยกมือไหว้เจ้าหน้าที่
"ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับ แต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่!! ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ.."
"งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก.." เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัคร กับปากกาที่วางไว้ให้คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย
"เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะอย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิ ถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะ
กลับไปเถอะ.."

หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียนที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอยและเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพฯ ก็จึงต้องจำใจ กำเงินจำนวนสุดท้ายนั่งรถซมซานกลับบ้านอย่างนกปีกหัก..

แต่เมื่อกลับถึงบ้านจึงนึกขึ้นได้ว่า ตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดกเป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแมวดิ้นตายมาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความเจ็บใจจึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียม หักร้างถางพง ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้น
และค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อย อย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน..

อาจเป็นบุญของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ที่ปรากฏว่า หลายปีต่อมาสวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้นออกผลอย่างงดงามและสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียงขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้นและกว้างขึ้น..

หลายสิบปีต่อมาจากความขยันขันแข็ง มานะอดทนและประสบการณ์ที่เพิ่มพูน
บัดนี้ หนุ่มบ้านนอกคนนั้นก็กลายเป็นชายชราที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของพ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดและภูมิภาคนั้น..

อยู่มาปีหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาลและชำระบัญชีเรียบร้อย โดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษาและแจกงานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อนนั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอเพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก..

เมื่อแจ้งนามและความจำนงกับธนาคารแล้ว พนักงานถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่ ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อมแล้ว ผู้จัดการก็แตะข้อศอกยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทองให้กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา..
"ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้รบกวนกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ.." พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆ ยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการ พร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ
"พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิด ลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก!.." ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีดพลางค่อยๆ อ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ
"เอ่อ..ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ!! เอ่อ..ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับคือ..พวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้แต่.."  ผู้จัดการชะงักด้วยความเกรงใจและในที่สุดก็หลุดปากถามออกมาด้วยความฉงนที่มิอาจเก็บไว้ได้จริงจริง
"แต่พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่ได้หรือครับ.."
"พ่อหนุ่ม" พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี
"ถ้าลุงอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้นะ.." แกถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า..
"ป่านนี้!!.. ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ..."


หลังจากผ่านเรื่องเล่าเตรียมความพร้อมผู้เรียนแล้ว ครูก็จะถามความรู้สึก แง่คิดจากเรื่องดังกล่าวกับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนในชั่วโมงนั้นๆ...

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ26 สิงหาคม, 2553 10:20

    อย่างน้อย พ่อเลี้ยงคนนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าคนเราไม่งอมือ งอเท้า
    เราแสวงหาเลี้ยงตนเองได้ เพียงแต่เรายังเชื่อมั่นใจตัวเราเอง

    ตอบลบ
  2. ถ้าเรามัวรอแต่โอกาส เราก็ได้พบเจอแต่โชคชะตา เป็นโอกาสที่เรา ได้มาอย่าง..

    ตอบลบ
  3. ชื่นชอบแนวการสอนนี้ครับ ได้ข้อคิดในการดำรงชีวิต ได้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ที่สำคัญการได้ฟังนิทานจะทำให้เด็กๆ มีจินตนาการและที่สำคัญคือผู้เรียนรู้สึกสนุกและไม่เบื่อที่จะเรียนครับ เพราะเชื่อว่านิทานเสมือนขนมหวานที่เด็กๆทุกคนหิวกระหาย

    ตอบลบ
  4. สวัสดี คุณกำลังมองหาสินเชื่อรวมหนี้, สินเชื่อไม่มีหลักประกัน, สินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อจำนอง, สินเชื่อรถยนต์, สินเชื่อนักศึกษา, สินเชื่อส่วนบุคคล, เงินร่วมลงทุน ฯลฯ ! ฉันเป็นผู้ให้กู้เอกชน ฉันให้สินเชื่อแก่บริษัทและบุคคลทั่วไปด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและสมเหตุสมผลที่ 2% ส่งอีเมล์ไปที่: christywalton355@gmail.com

    ตอบลบ