_ช่างเป็นเช้าที่สดชื่นเหลือเกินและสวยงามเสียเหลือเกินในความรู้สึกของครูคนหนึ่ง ในค่ำคืนนั้นก่อนบรรยากาศอันสดชื่นนี้จะปรากฏให้เห็นฝนได้ตกกระหน่ำตลอดทั้งคืน ทำให้ผมนอนฟังเสียงฝนด้วยความอิ่มเอมใจ มองเห็นถึงความชุ่มฉ่ำของพื้นดินกันต้นหญ้าโดยทั่วที่จะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น คิดถึงต้นไม่ใบหญ้าที่จะรายรำตัวเองกลางสายฝน
_ทุกๆ เช้าก่อนจะเริ่มเรียนวิชาแรกของแต่ละวัน เด็กๆ จะได้ทำกิจกรรมจิตศึกษาร่วมกับคุณครู เราจะใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันราว 20 นาที
กิจกรรมจะดำเนินไปด้วยความเรียบงาย สงบ ครูจะคอยอำนวยกิจกรรมสอดแทรกแง่คิดและเสริมปัญญาภายในให้กับเด็กๆ ด้วยคำถาม จิตศึกษายังได้ช่วยบ่มเพาะตัวของครู ในทุกๆ วันที่กิจกรรมเสร็จครูเองก็ได้เตรียมสภาพจิตใจ(ปัญญาภายใน) ได้ใคร่ครวญตัวเองในภวังค์ของความคิดที่ใช้สติกำกับทุกๆ คำพูดที่จะสอนศิษย์ ใช้ความเมตตาต่อลูกศิษย์เป็นตัวกำหนดวุฒิภาวะของครู
:: : ::
ขณะที่ผมเรียนอยู่มัธยมตอนต้น ผมมีโอกาสได้เดินชมป่ากับคุณครู โรงเรียนของผมอยู่ที่ชนบทและรายรอบโรงเรียนฯ เต็มไปด้วยผืนป่าใหญ่เขียนขจี ป่านั้นเป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชนอีกด้วย และที่สำคัญป่านั้นมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่าดอนปู่ตา
ผมได้ฟังเรื่องราวต่างๆ หลากหลายนิทานและตำนานพิลึกกึกกือที่เล่าถึงดอนปู่ตาแห่งนี้ได้ถูกถ่ายทอดจากปากของผู้เฒ่าสู่ลูกหลานหลายชั้นหลายชั่วอายุคน ชาวบ้านทุกคนจะละเว้นสัตว์ทุกตัวที่อาศัยอยู่บริเวณป่าแห่งนี้และต้นไม้ทุกต้นจะไม่เคยถูกตัดออกจากป่าเลย ผมเคยเข้าไปศาลปู่ตาดูครั้งหนึ่ง ผมมองลึกเข้าไปในทางเดินก่อนจะถึงศาลดอนปู่ตา ศาลเจ้าและซากเหลือของพวงมาลัยเครื่องบูชาตลอดจนริ้วรอยของผ้า ผ้าแพรเก่าใหม่หนาชั้นที่รัดรึงอยู่บริเวณโคนเสาเอกของศาลปู่ตา ดูประการหนึ่งดั่งกำแพงศักดิ์ที่คอยกั้นกางอาการลบหลู่ดูหมิ่นมิให้ย่างกรายเข้าไปถึง ไม่เคยมีใครสักคนถามว่าทำไมต้องมีสิ่งเหล่านี้ประดับอยู่รายรอบที่ศาลปู่ตา ไม่มีคำสอนใดๆ จากปากของผู้เฒ่าให้กระทำสิ่งประหนึ่งความชั่วร้ายนี้ มีก็เพียงแต่คำสอนให้เชื่อถือและปฏิบัติตามประการเดียวเท่านั้น – เป็นคำเล่าขาน และผมนึกได้จากคำสอนเมื่อสักราว 15 ปีก่อน
โอกาสที่ครูได้สอนเราในห้วงเวลาที่เหมาะเจาะและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เอื้ออำนวยในวันนั้น ผมเดินป่าได้สนุกมากและเพื่อนๆ ทุกคนรื่นรมย์ ผมโชคดีมากที่ได้เรียนกับคุณครูที่ท่านเป็นนักเล่าเรื่องตัวยง ดังกับนักเล่าการ์ตูนที่ทำให้เด็กๆ นั่งติดอยู่หน้าจอโทรทัศน์อย่างงอมแงม ทำเอาผมและเพื่อนๆ ถือปฏิบัติต่อคำสอนนั้นตราบจนทุกวันนี้ ก็ไม่เคยมีใครคิดจะไปค้นหาคำตอบจากดอนปู่ตาแห่งนั้น
ประสบการเดิมของผมกับดอนปู่ตาแห่งนี้ มีมากมายหลายเรื่องที่นำมาเล่าสอนลูกศิษย์ ทิ้งท้ายด้วยคำถามที่ครูป้อนให้
ขณะที่ผมเรียนอยู่มัธยมตอนต้น ผมมีโอกาสได้เดินชมป่ากับคุณครู โรงเรียนของผมอยู่ที่ชนบทและรายรอบโรงเรียนฯ เต็มไปด้วยผืนป่าใหญ่เขียนขจี ป่านั้นเป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชนอีกด้วย และที่สำคัญป่านั้นมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่าดอนปู่ตา
ผมได้ฟังเรื่องราวต่างๆ หลากหลายนิทานและตำนานพิลึกกึกกือที่เล่าถึงดอนปู่ตาแห่งนี้ได้ถูกถ่ายทอดจากปากของผู้เฒ่าสู่ลูกหลานหลายชั้นหลายชั่วอายุคน ชาวบ้านทุกคนจะละเว้นสัตว์ทุกตัวที่อาศัยอยู่บริเวณป่าแห่งนี้และต้นไม้ทุกต้นจะไม่เคยถูกตัดออกจากป่าเลย ผมเคยเข้าไปศาลปู่ตาดูครั้งหนึ่ง ผมมองลึกเข้าไปในทางเดินก่อนจะถึงศาลดอนปู่ตา ศาลเจ้าและซากเหลือของพวงมาลัยเครื่องบูชาตลอดจนริ้วรอยของผ้า ผ้าแพรเก่าใหม่หนาชั้นที่รัดรึงอยู่บริเวณโคนเสาเอกของศาลปู่ตา ดูประการหนึ่งดั่งกำแพงศักดิ์ที่คอยกั้นกางอาการลบหลู่ดูหมิ่นมิให้ย่างกรายเข้าไปถึง ไม่เคยมีใครสักคนถามว่าทำไมต้องมีสิ่งเหล่านี้ประดับอยู่รายรอบที่ศาลปู่ตา ไม่มีคำสอนใดๆ จากปากของผู้เฒ่าให้กระทำสิ่งประหนึ่งความชั่วร้ายนี้ มีก็เพียงแต่คำสอนให้เชื่อถือและปฏิบัติตามประการเดียวเท่านั้น – เป็นคำเล่าขาน และผมนึกได้จากคำสอนเมื่อสักราว 15 ปีก่อน
โอกาสที่ครูได้สอนเราในห้วงเวลาที่เหมาะเจาะและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เอื้ออำนวยในวันนั้น ผมเดินป่าได้สนุกมากและเพื่อนๆ ทุกคนรื่นรมย์ ผมโชคดีมากที่ได้เรียนกับคุณครูที่ท่านเป็นนักเล่าเรื่องตัวยง ดังกับนักเล่าการ์ตูนที่ทำให้เด็กๆ นั่งติดอยู่หน้าจอโทรทัศน์อย่างงอมแงม ทำเอาผมและเพื่อนๆ ถือปฏิบัติต่อคำสอนนั้นตราบจนทุกวันนี้ ก็ไม่เคยมีใครคิดจะไปค้นหาคำตอบจากดอนปู่ตาแห่งนั้น
ประสบการเดิมของผมกับดอนปู่ตาแห่งนี้ มีมากมายหลายเรื่องที่นำมาเล่าสอนลูกศิษย์ ทิ้งท้ายด้วยคำถามที่ครูป้อนให้