24 ธ.ค. 2552

สวัสดีปีใหม่


Merry Christmas & Happy New Year 2010 ค.คุณครูใจดี LPMP.ทุกคน



ปีเก่าไป ปีใหม่มา สำหรับเทศกาลแห่งความสุขที่หลายๆคนเฝ้ารอ
เป็นการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆที่ดี หลายคนบอกว่าปีนี้เป็นปีเสือดุ บ้างว่าเป็นปีเสือหมอบ
นานาจิตตัง

สำหรับเด็กๆแล้วปีใหม่ของทุกปีช่างแสนวิเศษเด็กๆมีความสุขมาก
ผู้ใหญ่ก็พลอยกระชุ่มกระชวยไปด้วย สวัสดีปีใหม่อีกครั้งค่ะและมีบทกลอนของท่านพุทธทาสมาฝากคุณครูใจดีทุกคนค่ะ



การงานเป็นสิ่งที่น่ารัก

อันที่จริง การงาน นั้นน่ารัก
เมื่อยังไม่ รู้จัก ก็อางขนาง (คือไม่ชอบ)
ไม่รู้จัก ก็ปล่อยปละ แล้วละวาง
บ้างร้องคราง เมื่อรอหน้า ว่าเบื่อจริง

แต่ที่แท้ การงาน นั้นน่ารัก
สอนให้คน รู้จัก ไปทุกสิ่ง
ถ้ายิ่งทำ ยิ่งฉลาด ไม่พลาดยิง
ได้ตรงดิ่ง สิ่งอุกฤษฏ์ คือจิตเจริญ

การงานนี้ ดูให้ดี มันน่ารัก
เป็นการชัก ธรรมะมา น่าสรรเสริญ
คือมีสติ ฉันทะ ทมะเกิน
ครั้นหยุดเพลิน จิตก็วาง ทางนิพพาน

16 ธ.ค. 2552

กำลังใจแด่ครูทุกคน






ผมไม่ใฝ่ฝันที่จะเป็นเพียงเรือจ้าง ที่เขาเปรียบครูไว้เช่นนี้หรอก
ลองคิดดูซิว่า ขณะที่เรากำลังแจวเรือ
แล้วมีคนอื่นอีกมาก ใกล้จะจมน้ำตาย
แล้วเราจะไม่จอดแวะรับเขาขึ้นมาด้วยกันกับ เราเหรอ
เราจะเอาเพียงเด็กนักเรียนขึ้นฝั่งเท่านั้ น?
เท่านี้เหรอ ไม่มีที่ใดในผืนแผ่นดินนี้ ที่ครูบ้านนอกอยู่ไม่ได้
"สอนศิษย์ให้กลายเป็นคน คือเกียรติยศของคนเป็น ครู"

8 ธ.ค. 2552

พิซซ่าฉงน............(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)






....วันนี้เป็นวันที่เด็ก ๆ มีความสุขมาก...เพราะคุณแม่พี่ปุณ ป.1 มาทำบุญ.....โดยการซื้อพิซซ่ามาเลี้ยงเด็ก ๆ ทั้งโรงเรียน.....

.
....ซึ่งอานิสงค์นี้ก็เลยพลอยทำให้คุณครูอิ่มแป้ไปตาม ๆกัน........



ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ ป.5 เป็นยังไงบ้างครับ ..พิซซ่าอร่อยไหมครับ

ปอง : อร่อยมากครับคุณครู....(ปองเป็นคนที่ชอบพิซซ่ามาก)...

จ๋อม : แต่.....เขาว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไรนา


นุ๊ก : เขาว่า...ไม่อร่อยเลยแหละ


....ครูองอาจอมยิ้ม...เพราะแท้ที่จริงแล้วเหตุผลที่คุณแม่พี่ปุณป.1 นำพิซซ่ามาให้เด็ก ๆ กินนั้น ต้องการสอนว่า ...บางทีของที่เราอยากกินแทบตาย..ก็อาจไม่อร่อยเหมือนอย่างที่เราคิด....

ครูองอาจ : ....เห็นว่า..คุณแม่พี่ปุณมีเงื่อนไขในการกินพิซซ่าแบบแปลก ๆ ..เป็นยังไงเหรอครับ

นุ๊ก : อ๋อ....เราจะนั่งกินเป็นเลขที่ค่ะ อย่างเช่น เลขที่ 1 ก็จะนั่งกินด้วยกันตั้งแต่อ.1 – ม.1 เลยค่ะ โดยพี่ชั้นที่โตกว่าจะเดินมารับน้องชั้นที่เล็กว่าแล้วไปเอาพิซซ่านั่งกินด้วยกันในมุมที่พวกเราชอบ....กินไปคุยกันไปก็สนุกดีค่ะ

........ครูองอาจฟังนุ๊กเล่าแล้วฉีกยิ้มกว้างครับ....แหม..ผู้ปกครองโรงเรียนนี้ช่างน่ารักจริงจริ๊ง....

........ เอ้า...ได้เวลาโยงเข้าสู่บทเรียบนแล้วครับ......


ครูองอาจ : ....วันนี้คุณครูก็มีพิซซ่ามาให้กินครับ....เป็น....พิซซ่าหน้าแยม ..แยม..แยม..(ทำเสียงเอ็คโครตามสไตร์ครูองงอาจ)

........หลายคนทำตาโต....เพราะเขาคิดว่าอาจจะอร่อยกว่าเมื่อวานก็ได้.......

ครูองอาจ : ......คุณครูมีพิซซ่าอยู่ 3 ถาดครับ.....ให้เด็ก ๆ ช่วยแบ่งพิซซ่าให้ที

ถาดที่ 1 ให้แบ่งโดยใช้เส้นตรง 3 เส้น แต่ให้ได้พิซซ่ามา 7 ชิ้น

ถาดที่ 2 ให้แบ่งโดยใช้เส้นตรง 4 เส้น แต่ให้ได้พิซซ่ามา 11 ชิ้น

ถาดที่ 3 ให้แบ่งโดยใช้เส้นตรง 5 เส้น แต่ให้ได้พิซซ่ามา 16 ชิ้น





ครูองอาจ : เอ้าลองแบ่งดูครับ .....ใครได้แล้วลองมานำเสนอครูและเพื่อนดูครับ


..............ผ่านไปแล้ว 10 นาที.........


เดียว : ผมได้ถาดที่ 1 แล้วครับ

เจมส์ : ผมได้ถาดที่ 2 แล้วครับ

ปุ๊ก : ผมได้ถาดที่ 3 แล้วครับ

.....โอ้โห.....เก่งจังเลยครับท่านผู้อ่าน....แบบนี้ต้องมีการบ้านซะแล้ว


การบ้าน ....เอ..ถ้าคุณครูต้องการแบ่งโดยใช้ 7 เส้น ครูจะแบ่งให้ได้พิซซ่ามากสุดกี่ชิ้นนาาา....คุณผู้อ่านมีความคิดเห้นอย่างไรครับ......อ๋อ....อย่าลืมทำการบ้านกับเด็ก ๆ นะครับ


คุณผู้อ่านชอบพิชช่าไหมครับ.....ถ้าชอบลองทำดูครับ

เรื่องกล้วยๆ .........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)




....เช้าวันนี้ผู้ปกครองอนุบาลนำกล้วย 3-4 เครือ.... มาแขวนไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่....ข้างอาคารอนุบาล... ....ซึ่งมันทำให้เด็ก ๆ ทุกคน โดยเฉพาะพี่ม.1 บางคนอดที่จะไปชมไม่ได้.....


ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ม.1 ...เอ...เมื่อเช้าใครไปทำอะไร..แถวอาคารอนุบาลนาาา

แมน : ผมเองครับ....ไปยืนดูกล้วยที่แขวนไว้ที่ต้นไม้ครับ...น่ากินมากเลยครับ..แฮ่..แฮ่..

ครูองอาจ : ...(อมยิ้มก่อนจะพูดว่า)....หิวละซิครับพี่แมน....

แมน : คร๊าป...(รับสารภาพโดยดี)

ครูองอาจ : ลองไปติดต่อขอชิมกับน้องอนุบาลดูซิครับ....เผื่อน้องจะเห็นใจ...

แมน : อืม...(คิดสักครู่)....ไม่ดีกว่าครับ...ไปกินที่บ้านดีกว่าครับ

ครูองอาจ : ....อ้อ....พูดถึงเรื่องกล้วยก็พลันให้คิดถึงเรื่อง..พ่อค้นขายกล้วยคนหนึ่งที่ชอบจูงอูฐให้ลากกล้วยเข้าไปขายในเมือง

... ........เด็ก ๆ นั่งนิ่ง.....ตั้งใจฟัง.......


จอห์น : คุณครูอยากฟัง....เล่าให้ฟังหน่อยครับ


ครูองอาจ : พ่อค้าคนหนึ่งต้องการนำกล้วย 3,000 ใบ

ไปขายยังตลาดอยู่ไกลถึง 1,000 กิโลเมตร โดยใช้อูฐและเกวียนเป็นพาหนะ

ซึ่งบรรทุกกล้วยได้ครั้งละ 1,000 ใบ เท่านั้น อูฐของเขาต้องกินกล้วย 1 ใบ

ต่อการเดินทาง 1 กิโลเมตร


เอ........พ่อค้าคนนี้จะเหลือกล้วยไปขายที่ตลาดกี่ใบนาาา




คุณผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ

โจรสลัดสยองโลก...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)


....ข่าวการปล้นร้านทองกำลังมาแรง...เด็ก ๆ หลายคนที่ได้ดูสื่อทางโทรทัศน์นำมาวิพากวิจารณ์กันเสียยกใหญ่.....


ครูองอาจ : สวัสดีครับเด็ก ๆ ...คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ...

เช็ค : ...คุยกันเรื่องโจรที่ปล้นร้านทองที่กรุงเทพนะครับคุณครู

กี้ : หนูว่าโจรไม่ฉลาดเลยคะ...ที่เอาปืนปลอมมาจี้เจ้าของร้าน

แบงค์ : ใคร ๆ ก็ดูออกเนอะ...ว่าเป็นปืนปลอม


..........และอีกหลายความคิดเห็น....... .........


.......ครูองอาจนิ่งคิดสักครู่....ก่อนจะพูดขึ้นว่า.......

ครูองอาจ : ....ในห้องนี้มีใครอยากปล้นร้านทองไหมครับ

...... เด็ก ๆ งง ..พลางคิดว่า....ทำไมครูจึงถามแบบนี้.....แต่ทุกคนก็ตอบว่า....ไม่...


ครูองอาจ : บางทีโจรอาจจะไม่อยากทำแบบนั้นก็ได้...แต่อาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง....

หญิง : หรือเขาอาจจะไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูกกินคะคุณครู

ครูองอาจ : ก็เป็นไปได้ครับพี่หญิง


........หลายคนนั่งคิด..จินตนาการว่าทำไมเขาจึงทำแบบนั้น......
........ครูองอาจปล่อยให้เด้ก ๆ นิ่งคิดสักครู่..แล้วค่อยเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน.....



ครูองอาจ : ...เอ้า...วันนี้เห็นพวกเราสนใจเรื่องโจร...คุณครูก็มีเรื่องโจรสลัดมาเล่าให้ฟังครับ


..........เย้......เช็คดีใจมาก...เพราะเขาชอบเรื่องเล่าครูองอาจเอาเสียจริงจริง....


ครูองอาจ : จรสามคนได้แก่ A , B และ C ได้ขโมยเงินจากร้านทองมา 1 ถุง

พวกเขาจึงได้ตัดสินใจแบ่งทองในวันที่ 4 เหตุการณ์ในแต่ละวันเป็นดังนี้

วันแรก A ขโมยทองไป 2 เหรียญ จากนั้นแบ่งทองที่เหลือได้ 3 กองเท่ากัน แล้วขโมยไป 1กอง

วันที่สอง B ขโมยทองไป 3 เหรียญ จากนั้นแบ่งทองที่เหลือได้ 3 กองเท่ากัน แล้วขโมยไป 1กอง

วันที่สาม C ขโมยทองไป 1 เหรียญ จากนั้นแบ่งทองที่เหลือได้ 3 กองเท่ากัน แล้วขโมยไป 1กอง

วันที่สี่ B ทั้งสามคนแบ่งทองกัน ได้คนละ 2 เหรียญ

เอ......เริ่มต้นมีทองทั้งหมดเท่าไรนา.........


เอ้าทุกคนลองออกแบบ Model ดู ใครได้คำตอบมานำเสนอครูและเพื่อน ๆ ด้วยครับ


ท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นเป็นอย่างไรครับ


กรมอุตุนิยมวิทยา...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)








....วันนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศมีอุณหภูมิ 23 องศาเซลเซียส .....มีลมกระโชกแรงเป็นแห่ง ๆ.....มีฝนตกชุกในเขตจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์......นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังในการเดินทาง

......เช็คสวมบทบาทเป็นนักข่าวตัวน้อย....รายงานข่าวให้เพื่อนฟังประกอบการเรียนวิชาโครงงาน.... เที่ยวทั่วไทย สบายใจอย่างแฮง....



ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ป.6 ...เอ...ได้ยินเสียงใคร...พยากรณ์อากาศแต่เช้าเหรอครับ..

เช็ค : ผมเองครับ....กรมอุตุนิยมวิทยามาเอง...(พูดเล่นสนุกสนาน)..


......เพื่อน ๆ หันหน้าไปยิ้มให้เช็คกันหลายคน.......



ครูองอาจ : ....พี่เช็คชอบการพยากรณ์อากาศเหรอครับ..

เช็ค : ครับ...โตขึ้นผมจะเป็นนักพยากรณ์อากาศ..ของกรมอุตุนิยมวิทยาครับ

..(พูดอย่างแน่วแน่)...



ครูองอาจ : ทำไม...จึงอยากเป็นครับ


เช็ค : เพราะจะได้รู้สถานการณ์โลกครับ...ก่อนใครเลย....เออ...และจะได้บอกคนอื่นให้รู้ตามด้วยครับ

ครูองอาจ : อืม...ดีจังเลยครับ.....เอ้า...สมมุติว่าพี่เช็คและเพื่อน ๆ เป็นนักพยากรณ์อากาศ..ของกรมอุตุนิยมวิทยา.....ลองมาพยากรณ์เหตุการณ์นี้ดูครับ


ใหม่ได้ไปเที่ยวฮาวาย 19 วัน ในระหว่างที่เขาไปเที่ยวนั้น


มีฝนตกตอนเช้า 11 วัน มีฝนตกตอนบ่าย 9 วัน

และ วันที่ฝนไม่ตกเลย 4 วัน

อยากทราบว่ามีวันที่ฝนตกทั้งเช้าและบ่ายกี่วัน



.....เช็คทำหน้างงๆ ....เอ..มันเกี่ยวกับพยากรณ์อากาศตรงไหนนา...แต่เขาก็ไม่พูดอะไรได้แต่หยิบสมุดการคิด...มาออกแบบ Model เพื่อหาคำตอบให้ได้....




คุณผู้อ่านว่าเกี่ยวไหมครับ...แต่ยังไงก็อย่าลืมลองแก้ปัญหาดูครับ


ผีตองเหลือง ........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)






....เวลาวิ่งเร็วยังกับสายลม...ทั้งที่จริงแล้วมันน่าจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร่งเป็นศูนย์ ......เช้าวันนี้ครูองอาจหอบสื่อการสอนพลุงพลังเป็นหนังสือภาพนิทานเล่มโต....หวังว่าจะนำไปให้เด็ก ๆ ดูประกอบการเล่าเรื่องราวให้นักเรียนชั้น ป.4 ดู......



ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ ป.4 วันนี้คุณครูมีเรื่องราวสนุก ๆ มาเล่าให้ฟังครับ


กั๊ก : เรื่องอะไรเหรอครับคุณครู


ครูองอาจ : ผี....ตอง.....เหลือง....



.......บรือ....น่ากลัวจัง...ขยับไปหาคุณครูดีกว่า....กั๊กพูดเบา ๆ แล้วขยับตัว....แต่มันก็มีพลังเหนี่ยวนำพอที่จะทำให้คนอื่น ๆ ขยับตาม


ครูองอาจ : ....เอ.......อะไรที่ขึ้นชื่อว่า....ผี.....เด็ก ๆ กลัวหมดเลยเหรอครับ


เด็ก ๆ : ครับ.....กลัวหมดเลยครับ


........ครูองอาจนิ่งคิดสักครู่...........อ๋อ...


ครูองอาจ : ....เด็ก ๆ ครับ.....อะไรเอ่ยชื่อน่ากลัว.....แต่ตัวน่ารัก


...............เงียบกริบ......เด็ก ๆ พยายามคิดหาคำตอบ..........


ต่อ : ..รู้แล้วครับ.....ผีเสื้อ...ครับ


.....อ๋อ....หลายคนเห็นด้วยกับต่อ.....


ครูองอาจ : เก่งมากครับ......เอ......แล้วผีเสื้อน่ากลัวไหมครับ


ต่อ : .....ไม่ครับ.....น่ารักดีออก....


ครูองอาจ : เห็นไหมครับเด็ก ๆ .....ผีบางที่ก็ไม่น่ากลัวหรอกครับ.....อย่างผีเสื้อน่ารักด้วยซ้ำไป



......หลายคนนั่งคิดจินตนาการถึงความน่ารักของผีเสื้อ.......



ครูองอาจ : ผีตองเหลือง...ก็เหมือนกันครับ...เป็นคนเผ่าหนึ่ง...ที่อาจมีชีวิตที่ต่างจากเราแค่นั้นครับ


สำลี : อ้าว.....ไม่ใช่ผีจริง ๆ เหรอครับ...


ครูองอาจ : ไม่ครับ


สำลี : โอ้ย....ผมนึกว่าเป็นเหมือนผีตานีซะอีก...เพราะชื่อมันมีใบตอง


.....หลายคนเริ่มจินตนาการถึงผีตองเหลือง....


ต่อ : ....คุณครูครับ....แล้วผีตองเหลืองมีรูปร่างอย่างไรครับ


....ครูองอาจอมยิ้ม...เพราะเด็ก ๆ มีความสนใจอยากรู้ในสิ่งที่ครูองอาจเตรียมมาโดยที่ครูองอาจไม่ได้บังคับขืนใจให้รู้เลย ครูองอาจ : นี่ครับรูปร่างของเขา...(เปิดสมุดภาพเบา ๆ และพุดคุยสนทนาในสิ่งที่เด็ก ๆ อยากรู้อยู่พักหนึ่ง).....

......เอ้า.....ได้เวลาเชื่อมโยงเข้าสู่ปัญหาการคอิดที่เตรียมมาแล้วครับท่านผู้อ่าน.......



ครูองอาจ : เช้าวันหนึ่งกลุ่มผีตองเหลืองสนทนากัน

Tata dona maka หมายถึง น้ำเย็นมาก

Tata neta หมายถึง น้ำร้อน

dona bela หมายถึง ดีมาก

เอ...ถ้าจะพูดว่า เย็นดี เผ่าตองเหลืองจะพูดว่ายังไงนา



เด็ก ๆ และ คุณผู้อ่านคิดว่าจะพูดว่ายังไงนา



รถไฟฟ้ามาหานะเธอ...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)






....ฉึกฉัก...ฉึกฉัก...ปูนปูน....ต่อแถวกันเป็นรถไฟ......

....ฉึกฉัก...ฉึกฉัก...ปูนปูน....นอนเป็นรูปปลาดาว......


.....เสียงเพลงประกอบกิจกรรมเคลื่อนไหวน้องๆ อนุบาล ที่ทำเอาพี่ป.6 ที่ไปชมกิจกรรม ชอบมากถึงกับฮำเพลงเบา ๆ

ครูองอาจ : เป็นยังไงบ้างครับ....เมื่อเช้าไปชมกิจกรรมน้องอนุบาล

มิลว์: ...สนุกมากเลยคะคุณครู...น้องน่ารักมากค่ะ


กี้ : ชอบเพลงรถไฟนะคะ.....น่ารักดี


............ หญิงทำตาโต....เหมือนคิดอะไรได้.....

หญิง : … อุ๊ย....กี้...หนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ...ได้ดูไหม..สนุกมากเลยจ๊ะ..(หญิงไปดูที่โรงหนังมา)..

กี้ : หนังโรงเหรอหญิง...เขาไม่มีตังค์ไปดูหรอก...บัตรตั้ง 70 บาท นะ

หญิง : ไม่เป็นไรจ๊ะ...พี่เขามีแผ่น CD เดี๋ยววันหลังจะยืมมาที่โรงเรียนให้ครุองอาจช่วยเปิดให้ดูยามว่าง...นะคะคุณ ครู..(ทำเสียงออดอ้อน)..

ครู องอาจ : ....ได้ครับ....แต่ช่วงว่างนะครับ...(คิดสักครู่)...คาบบ่าย..วันพฤหัส ชั่วโมงอิสระแล้วกัน..จะเปิดให้ครูครับ..เจอกันที่ห้องมัลติมิเดียร์...


..........เย้......เสียงเด็ก ๆ ไชโยดีใจ......


ครูองอาจ : พวกเรานี่ชอบรถไฟนะ.....ว่าแต่..ใครเคยขึ้นรถไฟบ้างครับ...(หลายคนยกมือ)..


เช็ค : ผมขึ้นเป็นประจำครับ...ไปเยี่ยมย่าที่อุบล

ครูองอาจ : ...แล้ว...รู้ได้ยังไงครับว่า...รถไฟจะไปที่ไหน..เวลาเท่าไหร่..... ....ครูองอาจเริ่มโยงเข้าสู่บทเรียน....

เช็ค : ...อ๋อ...มันจะมีตารางเวลาครับ...ดูง่ายครับครู...อยู่ที่สถานีรถไฟนั่นแหละครับ

ครูองอาจ : ...แต่...เอ...ทำไมรถไฟที่ครูไปขึ้นดูตารางยาก ๆ ครับ

เช็ค : ...เอ๊ะ.....ยังไงครับครู

..... เข้าแก๊บครับท่านผู้อ่าน.....

ครูองอาจ : ตารางของรถไฟ 3 ขบวนวิ่งจากเมือง A ไปยังเมือง B , C และ D ตามลำดับ ด้วยความเร็วเท่ากัน ตารางแต่ละสถานีเป็นดังนี้


เด้ก ๆ และ ท่านผู้อ่าน ช่วยเติมเวลาที่เหลือในช่องว่างด้วยนะครับ



7 ธ.ค. 2552

ข้อสอบ เอ็ด-โน........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)







......เดือนกุมพาพันธ์นี้....เด็ก ๆ นักเรียนชั้นป.6 ทุกคนจะต้องสอบ โอเน็ท อีกแล้วครับ....เพราะ สพฐ อยากจะรู้ระดับคุณภาพเด็ก ๆ ทั่วประเทศไทย จึงได้ให้ สทศ. จัดสอบ....


ครูองอาจ : เมื่อวานเห็นพวกเราเอาดินสอ 2 B มา....เอามาทำอะไรเหรอครับ


อ้าย: เอามาฝนข้อสอบครับ....ครูยิ้มให้เราฝึกทำเพราะพวกเราไม่เคยทำข้อสอบมาก่อนเลย


........... เป็นความจริงครับท่านผู้อ่าน.....ที่โรงเรียนเด็ก ๆ ไม่เคยทำข้อสอบเลย....เพราะทางโรงเรียนไม่นิยมวัดความเข้าใจเด็ก ๆ โดยใช้ข้อสอบ...แต่จะใช้การประเมินตามสภาพจริงแทน ได้แก่ การดูชิ้นงาน ดูกระบวนการ แฟ้มสะสมงาน สังเกต สัมภาษณ์ พูดคุย อย่างนี้มากกว่า.....


จ๋อมแจ๋ม : เมื่อวานวิชาพาละศึกษาเต็ม 25 เขาถูกแค่ 6 คะแนนเอง

.....(ที่จริงแล้วจ๋อมแจ๋มเล่นกีฬาเก่งมาก )..

ปาล์ม : วิชาการงาน เต็ม 30 เขาได้แค่ 5 เอง แจ๋ม


...(ปาล์มเป็นลูกอีสานขนานแท้ ..ทักษะชีวิต หากบ หาปลา เกี่ยวข้าว ทำนา เก่งมากอย่าบอกใครเชียว เพราะถูกเลี้ยงมาให้พึ่งตนเอง )..

.......ครูองอาจนิ่งคิดอย่างจริงจังสักครู่....ก่อนจะพุดว่า...........


ครูองอาจ : ....ช่างเถอะครับเด็ก ๆ ......ได้กี่คะแนนก็ช่างเถอะ ...วิชาพาละเด็ก ๆ รักการเล่นกีฬา คุณครูก็คิดว่าสุดยอดแล้วแหละครับ....ส่วนวิชาการงาน...เด็ก ๆมีทักษะในการใช้ชีวิตเองได้...คุณครูก็ยกนิ้วให้พวกเราแล้วแหละ...


..........เด็ก ๆหลายคนนิ่งเงียบ....หรือบางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่ครูองอาจพุด......


ครูองอาจ : เอ้า....ได้เวลาสนุกกันแล้ว.....วันนี้คุณครูมีเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งเขาเดินทางไปสอบ เอ็ด-โน ครับ



.....เดียวทำหน้าตาฉงน...พลางคิดในใจว่าทำไมไม่เป็นโอ-เน็ท เหมือนเรา ......ครูองอาจเริ่มเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน.....


เดียว : เป็นยังไงเหรอครับ

ครูองอาจ : ต๊อกแต๊ก ทำแบบทดสอบ เอ็ด-โน ที่มี 25 ข้อ

ถ้าตอบถูกจะได้ข้อละ 4 คะแนน ถ้าตอบผิด จะได้ข้อละ 1 คะแนน

ผลปรากฎว่าเขาได้ 65 คะแนน เอ.....เขาทำข้อสอบถูกกี่ข้อนา



้่้ีั่ีั่ีึเด็ก ๆ หลายคน พยามนั่งคิดให้ได้คำตอบ ...แต่คิดยังไงก็ยังไม่ได้คำตอบซักที.... เลยหยิบสมุดทดมาลองออกแบบ Model ดูเผื่อบางทีจะช่วยให้ได้คำตอบเร็วขึ้น

คุณผู้อ่านคิดว่าถูกกี่ข้อครับ

2 ธ.ค. 2552

ประกาศจากองค์การ NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงๆหรือ?

มีการพูดถึง “Pole Shift” แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว และอาจทำให้มีผลกระทบกับมนุษย์ น้ำอาจจะท่วมโลก ทั้งเรื่องดาวฤกษ์ที่ค้นพบใหม่ดวงหนึ่งที่อาจจะชนโลกได้ ในปี พ.ศ. 2555 หรือ ค.ศ. 2012 นี้

แต่มีความคิดเห็นหนึ่งที่ทำให้เราสบายใจ และสิ่งที่เรากลัวจะไม่เป็นความจริง ว่า “ลองไปอ่านดูจะพบว่าที่เขาทำนายคือ แกนเม่เหล็กของ"ดวงอาทิตย์" จะพลิกกลับขั้วตอนปี 2012 ไม่ใช่โลก
ซึ่งการกลับขั้วของดวงอาทิตย์จะเกิดทุกๆ 11 ปี ซึ่งเป็นวงรอบจำนวนของจุดดำบนดวงอาทิตย์ด้วย
สงสัยคนแปลคงจะสับสนระหว่างการกลับขั้วของดวงอาทิตย์กับโลก เลยเอามาโยงเข้าด้วยกัน
และการกลับขั้วของดวงอาทิตย์ก็ไม่มีผลอะไรน่ากลัวด้วยซ้ำ เพราะมันกลับมาหลายรอบแล้ว ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย แล้วที่เค้าทำนายจริงๆว่าแกนแม่เหล็กโลกจะกลับขั้วนั้นเมื่อไหร่?
จะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ระหว่าง 5พันถึง 50 ล้านปี แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
อีกทั้งกระบวนการในการกลับขั้วนั้นยาวนานเป็นพันๆปีด้วยซ้ำ
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การพลิกกลับขั้วแม่เหล็กอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้”

แต่ที่เป็นจริงยิ่งกว่าคือ โลกเราร้อนขึ้นทุกๆ ปี และมีสถิติยืนยันว่าอุณหภูมิของโลกได้สูงขึ้น แน่นอนว่าโลกร้อนมีผลกระทบกับมนุษย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ถึงอย่างไรเราอย่าประมาทนะคะ “สึนามิ” ยังไม่มีใครรู้ล่วงหน้าเลย
“อย่าประมาทในชีวิตที่มีอยู่น้อยนิดนี้”

29 พ.ย. 2552

นิทานสระ อี เรื่อง ชะนีผู้อวดดี

นิทาน สระอี เรื่อง ชะนีผู้อวดดี

ณ ป่าใหญ่ใกล้วารีขจีเขียว
ลำนำเชี่ยวหมู่ไพรีเปรมปรีดิ์สันต์

เหล่าผองสัตว์ต่างปรีดามาเนิ่นนาน
ทุกสิ่งอันล้วนสมัครสมาน สามัคคี

ราชสีห์ ร่างอ้วนพี ป้องป่าใหญ่
รู้ถึงภัย ใกล้มาเยือน ไม่สุขขี

แจ้งบรรดา พี่น้องสัตว์ ไม่รอรี
เจ้าอินทรีย์ เลาะทิวเขา ส่งข่าวพลัน

พบอีกา เก็บผักชี ที่สวนผัก
แวะทายทัก ดูท่าที ขมีขมัน

อีกาให้ ลิ้นจี่ อินทรีย์พลัน
อีกแบ่งปัน สาลี่ สี่ลูกงาม

รีบส่งข่าว จากเจ้าป่า อีการู้
แต่เช้าตรู่ วันพรุ่งนี้ ที่สนาม

ร่วมหารือ ปรึกษากัน วันฟ้าคราม
เพื่อติดตาม ป้องกันภัย ไกลไพรี

เจ้าอินทรีย์ บินเร็วรี่ ดังขี่ม้า
แจ้งบรรดา เหล่าสัตว์ครบพบสุขศรี

เกาะกิ่งไม้ เด็ดดมชม จามจุรี
เก็บจำปี เสียบปีกใหญ่ ใจเบิกบาน

พบชะนี ผู้อวดดี เป่าปี่ก้อง
อยู่ริมหนอง นทีใส ใจสุขสันต์

บอกอินทรีย์ไม่ใยดี ไม่เกี่ยวกัน
ปัญหานั้น หน้าที่ใคร ให้ไขเอง

ชะนีบอก ตอนนี้ ข้ามีสุข
ไม่มีทุกข์ ฤดีฉ่ำ ทุกค่ำเช้า

อีนทรีย์บอก แต่ป่านี้ ป่าของเรา
ชะนีบอก ไม่เอา ไม่อยากสนใจ

ถึงเวลา ต่างพร้อมหน้า บรรดาสัตว์
ราชสีห์ เร่งรีบจัดแจง แถลงไข

เล่าเรื่องราว ความแห้งแล้ง อุทุกภัย
ผืนป่าใหญ่ อาจแห้งขอดไม่รอดกัน

อาจโชคดี หากเรามี วิธีแก้
ไม่มัวแต่ รอรีพร จากสวรรค์

คนละไม้ คนละมือ เราช่วยกัน
ดงไพรวัณฑ์ ไม่แห้งขอด เรารอดตาย

ราชสีห์ ดูแผนที่ ตรงนี้เหมาะ
เราจะเจาะ หาวารี ที่ดีได้

ดูดีดี ที่ตรงนี้ ที่ของใคร
เอ๊ะ!! นั่นไง เจ้าชะนี ชี้ดูพลัน

เจ้าชะนี ผู้อวดดี ปฏิเสธ
นี่ เป็นเขต บ้านข้า อย่ามาถาม

ถีบเก้าอี้ ไล่ราชสีห์ ดูไม่งาม
ปีนข้ามผ่าน ศรีษะ ผละหนีพลัน

ราชสีห์ ไม่รอรี หาที่อื่น
ผ่านวันคืน ผืนป่า ไม่สุขสัจนต์

ตรงนี้ดี ข้างดอกจำปี รีบเอ่ยพลัน
คงจะทันป้องกันภัย ป่าใหญ่เรา

เช้าวันหนึ่งบ้านชะนี วารีหมด
ถามเจ้ามด หาวารี ได้ที่ใหน

มดส่ายหน้า ไม่พูดคุย เดินผ่านไป
เริ่มร้อนใจ หิวกระหาย ใครช่วยที

ผ่านทุ่งข้าวสาลี ชะนีเหนื่อย
แขนขาเมื่อยปากหิวกล้วยสวยสักหวี

ขออีกา เจ้าของสวน บอก"ไม่มี"
ขออินทรีย์ "บอกไม่ใช่หน้าที่เรา" เจ้าต้องหาเอง

บรรดาสัตว์ไม่อารี ชะนีป่า
หมดปัญญา แก้ไขใจ เศร้าหมอง

นึกหวนคิดถึงเวลา เฝ้าตรึกตรอง
หนึ่งเราหยิ่งผยอง สองเราอวดดี

พบอาศรม ฤาษี ชะนีแจ้ง
ฤาษีแจงหากเจ้าเปลี่ยนก็สุขขี

เปลี่ยนเป็นโอบอ้อม และแบ่งปัน ไม่อวดดี
เจ้าชะนี ให้สัญญา ไม่ล้าลัง

เจ้าชะนีขออภัย บรรดาสัตว์
ไม่ขอผลัดรีบเปลี่ยนทิศทางวิถี

สัตว์ทั้งป่าชื่นชมว่า เป็นสิ่งดี
เพราะชะนีคิดได้ ไม่สายเกิน

ฟังเรื่องราวเจ้าชะนีนี้ต้องคิด
อย่าหลงผิดทั้งอวดดี หยิ่งผยอง

เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวเอง ฝึกตรึกตรอง
ไม่หม่นหมอง เหมือนชะนี ผู้อวดดีเอย

28 พ.ย. 2552

เด็กหญิงดอกรัก ตอนแรกเริ่ม

.......ความรักที่เบ่งบาน.............

บ้านหลังน้อยชั้นเดี่ยวสีฟ้าขาวหลังคาสีน้ำเงิน
ในพื้นที่ 10 ไร่ ที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้และ
แปลงผักสวนครัว เช่น มะม่วง,ลำใย,มะขาม,
ส้มโอ และอื่น ๆ ถูกปลูกเป็นแถวต้นสูงแค่ไหล่
หากจะมีผลออกมาบ้างแต่ก็เพียงน้อยนิดเนื่องจาก
ยังไม่โตเต็มทีพอจะให้ผลผลิตอย่างต้องการ
แต่อนาคตมันต้องโตขึ้นและโตขึ้นตามกาลเวลา
เช่นเดียวกับความรักของสามีภรรยาเจ้าของบ้าน
ที่แต่งงานอยู่กินกันมาเป็นเวลา 1 ปีกว่าๆแล้ว
ครอบครัวของเขาก็เริ่มเติบโตเช่นเดี่ยวกัน
จากสองกลายเป็นสาม

.....จุดเริ่มต้นของสมาชิกใหม่.........

อาการหน้ามืดและเป็นลมบ่อยครั้งของดอกอ้อ
ทำให้รักชาติไม่ค่อยจะพอใจด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวอันเป็นที่รักและดูแลประคับประคองเสมอมา
เฝ้าดูแลทีขอบเตียงนอนจองมองดูใบหน้าอันอ่อนล่า
แลเหมือนคนป่วยทีหายจากพิษไข้ ไร้เรียวแรง
แต่ต่างจากดอกอ้อคนร่าเริง แข็งแรงและแจ่มใส่
รักชาติได้แต่คิด และคิดอยู่ในใจไม่กล้าส่งเสียง
ที่จะเป็นการรบกวน คิดทบทวนหาสาเหตุจนทำให้
ตัวของรักชาตินอนไม่เต็มที่ ตื่นเช้ามาจึงมีอาการมึนๆ
และปวดหัวนิดๆ แต่ด้วยความเป็นห่วงรักชาติตื่นแต่เช้า
เข้าครัวทำข้าวต้มเพื่อสุดที่รักของเขา ใส่หมูสับ
ที่ลงมือสับด้วยตัวเองใส่หอมเจียวหอมกุลและต้นหอม
โรยหน้าแต่คนกินไม่ได้หอมด้วยแล้วละสิ เพียงแค่สูดกลิ่น
ดอกอ้อก็อยากอวกขึ้นมาวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน
คนตกใจคือรักชาติที่ตามมาติดๆ พร้อมมือลูบที่หลังเบาๆ
ไม่ไหวแล้วเขาทนดูไม่ได้แล้วจริงๆ ดอกอ้อต้องไปหาหมอ
วันนี้และต้องเดียวนี้ด้วยรักชาติคิด พอดอกอ้อหยุดอวก
พร้อมอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อค้นหาคำตอบรักชาติจึงพาดอกอ้อไปที่โรงพยาบาล
การรอค่อยชักทรมานและจบสิ้นเมื่อคุณหมอบอกสาเหตุของอาการ
สีหน้าที่เป็นกังวนกลับเป็นสีหน้าที่ดีใจสุดๆ กับคำพูด 1 ประโยค
"ยินดีด้วยครับภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์" ขอบคุณครับคุณหมอ
ในที่สุดครอบครัวก็สมบูรณ์

25 พ.ย. 2552

คณิตศิลป์..เกิดเรื่องเหลือเชื่อ...

    วันนี้ผมของดข่าววิภากษ์ข่าวการเมืองไว้ก่อนสัก 1-2 สัปดาห์ เพราะใกล้ถึงวันสำคัญของปวงชนชาวไทยแล้ว ผมจะมาเล่าเรื่องที่แปลกน่าประทับใจเกิดขึ้นในห้อง 6 เหลี่ยมเล็กๆ ของโรงเรียนนอกกะลา ..
     เมื่อพูดวิชาคณิตศาสตร์คนส่วนใหญ่ในสังคมมนุษย์เราชอบมองกันว่าเป็นวิชาที่ ยุ่งยากและไม่รู้จะเรียนไปทำไม มีหลากหลายคำถามที่ถามผมประจำตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ได้ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ว่าเรียนไปเพื่ออะไร ใช้ประโยชน์จากตรงไหน....
    มีเรื่องที่แปลกมากเกิดขึ้นในชั่วโมงสอนคณิตศาสตร์ช่วงชั้นที่ 2 ในสัปดาห์ที่ 5 และสัปดาห์ที่ 6 ของ Qaurter 3 ของโรงเรียนนอกกะลา จ.บุรีรัมย์ อาจจะเป็นเรื่องที่บอกว่าประทับใจของครูผู้สอนหรือเรื่องการหาจุดเด่นในบางเรื่องตัวผู้เรียนพบก็ว่าได้..
     นักเรียนทุกคนล้วนแล้วแต่มีขีดความสามารถในตัวมากน้อยแตกต่างกัน แต่ครูทำอย่างไรให้เด็กคนนั้นที่คิดว่าเขามีขีดความสามารถเท่านั้นให้เข้า โชว์ความสามารถของเข้าออกมาได้อย่างเต็มที่...
     นี้คือชิ้นงานบางงานที่ผมประทับใจ และนักเรียนทุกคนล้วนตั้งใจทำตามจินตนาการของเขา และนักเรียนทุกคนล้วนแล้วแต่มีศักยภาพต่างกันของแต่ละชั้นครับ...

ผลงานบางส่วนของนักเรียนชั้น ป.4 - ป.6
โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ปีการศึกษา 2552


งานกลุ่มนักเรียนชั้น ป.4 พี่บุ๋มบิ๋ม , พี่บีม(อ) , พี่หมวย
    3 สาวน้อยห้อง ป.4 ที่มีความสนในในเรื่องการสร้างสรรค์ผลงาน เกิดจากความคิดที่งอกงานของเด็กๆ


พี่บีม(อ) ป.4
     ขอกระดาษสักแผ่นจากคุณครูกลับไปทำต่อที่บ้านจนเสร็จ สวยงานดังประจักษ์

พี่พิม ป.6
     พิมบอกว่าหนูชอบมาก เพราะเป็นรูปที่หนูคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ หนูขอไปทำต่อที่ย้านนะคะ


พี่กาย ป.4
     ที่ผ่านมาพี่กายจะทำงานได้ช้า แต่รอบนี้ผมทำเสร็จอวดเพื่อนได้และภูมิใจมากยิ่งนัก


พี่ซีตรอง ป.6
      วันที่ให้ทำงานพี่ซีตรองทำเสร็จคนแรกของห้อง ป.6 ผมชมเขาว่าซีตรองเก่งมากครับ เขาขอกระดาษเปล่าจากผมกลับไปทำต่อที่บ้าน ซึ่งทำตามจินตนาการของเขาซึ่งผลงานออกมาดีมากเลยครับ...



พี่เก่ง ป.6
      ผลงานติดโชว์ผมนำผลงานพี่เก่งขึ้นด้านหน้าของเพื่อน ซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งดูจากแววตาและความปลื้มปิติในตัวเขา เก่งถามผมว่า คุณครูเอางานผมขึ้นหน้าเหรอครับ คำพูดนี้มันฝั่งในใจคนสอนเรื่อยมา...


พี่เก่ง ป.5
      พี่เก่งเป็นนักเรียนตัวเล็กๆ ผิวคร่ำๆ ชอบทำหน้าตายอกล้อผมเสมอ เวลาสอนเขาก็จะคุยแข่งกับครูระหว่างผมสอนประจำ ซึ่งในวันทำงานชิ้นนี้ผมไม่ได้บอกวิธีการสร้างมากมายแต่ผมบอกแค่ว่าให้นักเรียนคิดรูปขึ้นเองแล้วสร้างตามจินตนาการ ซึ่งพี่เก่งทำเสร็จคนที่ 13 ของห้อง เพราะเขาประณีต ก่อนทำพี่เก่งบอกผมว่า ผมจะทำให้สวยที่สุด และงานที่ทำออกมาก็สวยมากครับ


ความสุขจากการชื่นชมผลงานตัวเอง พี่ต่อ ป.4 และเหล่าลูกน้องในบริวาล...

    งานทุกชิ้นล้วนเกิดจากเส้นตรงล้วนๆ นักเรียนทุกคนใช้แค่ดินสอ ปากกา และไม้บรรทัด เท่านี้ก็ทำงานได้ทุกคนครับ ...

... ดีใจที่เห็นนักเรียนเรียนอย่างมีความสุข ...

24 พ.ย. 2552

เจ้าชายอึ่ง..........(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)





........ ชั่วโมงการคิดที่ผ่านมาครูองอาจให้เด้ก ๆ ไปคิดกิจกรรมมา....เพื่อนำเสนอเพื่อนในชั่วโมงนี้...ซึ่งวันนี้เป็นวันที่กลุ่มของต่อจะได้นำเสนอ....เขาทั้งดีใจและตื่นเต้นที่จะได้ทำให้ครูและเพื่อนๆ ให้ฉงนคืนบ้าง....


ครูองอาจ : สวัสดีครับ พี่ ป.4 วันนี้ถึงคิวกลุ่มไหน...นำเสนอแล้วนาาา

ต่อ : กลุ่มผมนี่แหละครับ

ครูองอาจ :พร้อมแล้วเชิญครับ....เอ้า...เพื่อนปรบมือให้กลุ่มของพี่ต่อหน่อยครับ

..... เด้ก ๆ ปรบมือให้กำลังใจเพื่อนกันทุกคน.......


ต่อ : วันนี้เสนอนิทานหรรษาเรื่อง...เจ้าชายอึ่ง..อึ่ง..อึ่ง (ทำเสียงแอคโครเสียด้วยซิครับ..เพื่อนยิ้มให้กับนักเล่าจอมลีลา ).

ณ ดินแดนแสนไกล..มีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง..เป็นเมืองของเจ้าชายอึ่ง...

วันหนึ่งเจ้าชายอึ่งออกไปเที่ยวเล่นจนหลงเข้าไปในดินแดน.. ของยักขมีขู...โอ๊ะ...ขมูขี...(เพื่อน ๆ พากันหัวเราะมุกเล้ก ๆ น้อย ๆ ของต่อ)..


โอม : แล้วเป็นยังไงต่อล่ะ ...หลังจากนั้น

ต่อ : เจ้าชายอึ่งแสนซนได้ไต่ขึ้นไปบนตัวของยักษ์ขมูขีซึ่งกำลังหลับโดยไม่รู้ตัว...แล้วก็กระโดดโหรเถาวัลเล่น....อ้าว...มันไม่ใช่เถาวัลนิ..มันคือขนจั๊กแร้เจ้ายักษ์ต่างหาก ..(เพื่อน ๆ หัวเราะฮา )...เจ้ายักษ์ตื่นขึ้นมาวิ่งไล่เจ้าชายอึ่งจนหลงเข้าไปในถ้ำข้ามมิติ


...........มาถึงตอนนี้เพื่อนๆ นั่งฟังชนิดไม่กระพริบตาเลยครับ...



ครูองอาจ : หลังจากนั้นเป็นยังไงอีกครับ

ต่อ : ในถ้ำมีรหัสข้ามมิติกลับไปยังเมืองของเจ้าชายอึ่ง...แต่เวลาไขรหัสปริศนานี่ซิมีเพียง 10 นาทีเท่านั้น...เอ..เจ้าชายจะกลับเมืองได้ไหมนาาา

โอม : ตัวเองก็รีบบอกมาซิ...เราจะได้รีบคิด

ต่อ : มีจุดอยู่ 9 จุด ให้ลากเส้นตรงต่อกันเพียง 4 เส้น

ให้เชื่อมต่อกันทุกจุด โดยไม่ยกปากกา




...........ทั้งเด็ก ๆ และครูองอาจต่างพากันออกแบบ Model ใหญ่เลยครับ....5 นาทีผ่านไปเริ่มมีคนได้ 2 - 3 คน...

..........เอ้ย..ค่อยยังชั่วครับ....ในที่สุดเราก็พากันช่วยเจ้าชายได้ครับ...



คุณผู้อ่านช่ายเจ้าชายอึ่งได้ไหมครับ


English is fun...(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)




....T-Sally เป็นคุณครูคนใหม่ของเด็ก ๆ มาจากประเทศฟิลิปปินส์....นอกจากจะหน้าตาบ้องแบ้วน่ารักแล้วยังคุยสนุกสาน...ชอบเล่นกับเด้ก ๆ ทุกห้องเรียน......

ครูองอาจ : สวัสดีครับพี่ ป.3 ตอนเที่ยงเห็นพวกเราไปคุยอะไรกับ T-Sally เหรอครับ


ใบเตย : อ๋อ....พวกเราเข้าไปคุยเรื่องกินข้าวกับ T-Sally ค่ะ... ก็มี หนู ฝน ไข่มุก และ นัปการ ค่ะ ...(ในจำนวนนั้นมีนัปการคนเดียวที่เป็นผู็ชาย)..

ฝน : แต่วันนี้ T-Sally พูดไม่เพระเลยค่ะ

...........เอ๊ะ...แปลกจังเลยครับท่านผู้อ่าน...ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเด้ก ๆ พูดแบบนี้เลย....เอ..มันต้องมีอะไรซักอย่างแน่เลยครับ.

ครูองอาจ : ลองเล่าเหตุการณ์ให้คุณครูฟังหน่อยซิครับ

ฝน : ช่วงกินข้าวนะค่ะ...นัปเขาเอาส้มไปใส่ถาดข้าวให้ T-Sally แต่ T-Sallัััy กลับโบกมือแล้วก็ส่ายหัวไปเหมือนจะไม่เอา.....แล้วก็พูดว่า อีนับ อีนัป พูดไม่สุภาพเลยค่ะ แต่ก็แปลกนะค่ะนัปเป็นผู้ชาย ทำไมเรียก อี แต่ยังไงก็ไม่สุภาพค่ะ

........นัปการซึ่งนั่งฟังอยู่...น้ำใสใสเริ่มหยดติ่ง ๆ ลงมาอาบแก้วด้วยความเสียใจ...สักครูหนึ่งก็ปล่อยโฮออกมาพร้อมเสียงสะอื้น.......

........ครูองอาจฟังเหตุการณ์แล้วรู้สึกทะแม่ง ๆ ชอบกล....นิ่งคิดสักครู่..............แล้วก็.....แล้วก็....

....ก๊าก.....ฮ่ะ....ฮ่ะ....ฮ่ะ.....ขออนุญาตหัวเราะครับ...เพราะขำจริง ๆ ....ทำเอาเด้ก ๆ นั่งงงกันทั้งชั้นเรียน...

ครูองอาจ : ....คืออย่างนี้ครับเด็ก ๆ ....ที่จริงแล้ว T-Sally ไม่ได้พูดไม่สุภาพ...และ ไม่ได้ว่านัปเลย...พวกเรานะเข้าใจ T-Sally ผิดไป .....T-Sallัััy พูดว่า Enough แปลว่า พอแล้ว อิ่มแล้ว ...แต่พวกเรากลับเข้าใจว่า อีนัป ..

.......อ๋อ......ฮ่ะ....ฮ่ะ....ฮ่ะ.....เด้ก ๆหัวเราะกันยกใหม่...ไม่เว้นแม้นัปกาที่มีน้ำตานอง.....

ครูองอาจ : ภาษาก็ยังนี้แหละครับ...ชวนให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อยๆ ...คุณครูก็มีเรื่องของภาษากับคณิตศาสตร์เหมือนกัน...ฉง๊น..ฉงน ..งงงวย ครับ

..............หลายคนเริ่มอยากรู้...............

ฝน : ยังไงค่ะครู

ครูองอาจ : A B C D E เป็นเลขโดด(0-9) ที่ต่างกัน

A B C D E คือจำนวนใด ถ้าหากว่า


.............ติ๊ก ตอก.....ติ๊ก ตอก......ติ๊ก ตอก......คิดยังไงก็คิดไม่ออก.......


คุณผู้อ่าน
คิดช่วยเด็ก ๆ ด้วยครับ


23 พ.ย. 2552

ปริศนา 5 ห่วง.......(ชั่วโมงสอนครูองอาจ)


.........วันนี้มีผู้ใหญ่ใจดีมาที่โรงเรียน....ซึ่งได้นำแซนด์วิทแสนหวานมาเลี้ยงเด้ก ๆ ด้วย ..

........ ทำเอาเด็ก ๆ อิ่มแป้ไปตามๆกันเลยครับท่านผู้อ่าน......

ครูองอาจ : สวัสดีครับ พี่ ป.4 ช่วงเบรคเห็นพวกเรากินอะไรกันนาาา...น่าอร่อยจังเลย

ต่อ : กินแซนด์วิทครับ...ผู้ใหญ่ใจดีเอามาฝากครับ..

ครูองอาจ :อ๋อ...เหรอครับ

โอม : แต่กว่าจะได้กิน...ก็รอนานเลยละครับครู

...... ครูองอาจฟังโอมพูด...แล้วชักงงๆ...........


ครูองอาจ : ทำไมรอนานละ่ครับ....ผู้ใหญ่ใจดีแจกช้าเหรอครับ

โอม : ไม่ครับ..แจกเร็วอยู่...แต่พวกผมแบ่งกันไม่ลงตัวซะที

ครูองอาจ : ยังไงครับ

โอม : คือผู้ใหญ่ใจดีให้มา 45 ห่อ พวกผมมี 30 คน จะต้องแบ่งคนละเท่า ๆ กัน ไม่รู้จะได้คนละเท่าไหร่ครับ

ต่อ : คิดตั้งนานค่อยรู้ว่าแบ่งคนละหนึ่งชิ้นกับอีกครึ่งชิ้นครับ


ครูองอาจ :อ๋อ........ โอ้โห....งั้น...คงอิ่มแป้ซิครับ

ต่อ : ครับ..อื่มมากเลย

........ในขณะนั้น...สำลีซึ่งอิ่มแซนด์วิทมากจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้.....จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น.......

สำลี : ...(ปุ๋ง..ปุ๋ง)...

.........ไม่ใช่มาแต่เสียงครับท่านผู้อ่าน กลิ่นก็ตามมาติด ๆ......เพื่อนๆ รวมทั้งครูองอาจปิดจมูกกันใหญ่เลย....เพื่อน ๆ ถอยห่างสำลีเป็นวงกว้าง....นานสักพักหนึ่งอาอาศค่อยดีขึ้น...เด้ก ๆ ค่อยกลับไปที่เดิม...

ต่อ : อื้อฮือ....กลิ่นทูน่าเหมือนแซนด์วิทเลย...(เพื่อนๆ ทังขำต่อ...ทั้งปิดจมูกกันสาละวนยกใหญ่เลยครับท่านผู้อ่าน)..


ครูองอาจ : โอ้......เชื่อแล้วครับว่าอิ่มจริงๆ....ต่อไปใครมีอาการไม่ปกติขอให้ออกไปทำธุระข้างนอกนะครับ..(ไม่ได้ครับท่านผู้อ่านต้องทำข้อตกลงกันก่อน)


ครูองอาจ :OK ครับ...คุยกันต่อครับ.....ที่จริงแล้วห้องนี้แบ่งของเก่งนะ.....
วันนี้ครูก็เลยมีเกมสนุก ๆ มาให้เด้ก ๆลอง แบ่งครับ
..(เริ่มโยงเข้าสู่บทเรียน)..

ต่อ : ยังไงครับครู..เกมที่ว่านั้น


ครูองอาจ : มีห่วงอยู่ 5 อัน วางเรียงกันดังรูป เด้กๆ ช่วยใช้ตัวเลข

1 2 3 4 5 6 7 8 และ 9 เติมลงในห่วง โดยมีข้อแม้ว่า

ผลรวมของทุกห่วงต้องเท่ากัน




.......เด้ก ๆ รีบเปิดกระดาษทด วาดภาพออกแบบ Model ใหญ่เลย..........

.......ครุ่นคิดอยู่นานทีเดียว....กว่าจะได้คำตอบ................................


ว่าแต่....คุณผู้อ่านได้หรือยังครับ