4 ก.ย. 2557

โต๊ะโต๊ะจัง

หนังสือแปลเรื่องโต๊ะโต๊ะจังเป็นเรื่องจริงของครูญี่ปุ่นคนหนึ่งที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูและ พยายาม จะสอนให้ลูกศิษย์เติบโตขึ้น อย่างมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่มีแต่เพียงร่างกายและสมอง แม้จะไม่ได้ รับเงินทุนสนับสนุน อะไรมากมายนัก แต่เขาก็พยายาม คิดหาวิธีที่จะ ทำให้ลูกศิษย์รู้สึกสนุก ในการเรียนรู้ และเห็นว่าการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

เขาเริ่มต้นให้เด็กตื่นตาตื่นใจ ด้วยการนำตู้รถไฟเก่าๆ มาดัดแปลงเป็นห้องเรียนแทนที่จะสร้าง อาคารเรียน สูงๆ เด็กๆ ชอบนั่งรถไฟกันอยู่แล้ว พอเข้าไป ในห้องเรียน ครูไม่ได้บอกว่า จะสอน ประชาธิปไตย แต่ฝึกให้เด็กรู้จักลักษณะของความเป็นประชาธิปไตย ด้วยการนั่ง อย่างมีระเบียบ โดยไม่ต้องกำหนด ที่นั่งประจำ ขณะที่ครูสอน นักเรียนก็มีสิทธิซักถามและอภิปรายได้

ถึงชั่วโมงประวัติศาสตร์ ครูก็พานักเรียน เดินไปชมวัดหรือสถานที่อันเป็นโบราณสถานประจำท้องถิ่น ระหว่างทาง ก็สอนธรรมชาติศึกษา ให้เด็กรู้จัก ต้นหมากรากไม้ คูคลอง หนองบึง ให้ได้เรียนได้สัมผัส กับของจริง ทุกอย่าง เด็กได้รับความรู้ ไปพร้อมๆ กับความเพลิดเพลิน ก็จะจดจำได้ไม่ลืม

ผู้เขียนประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง และเป็นผู้จัดรายการทีวีที่มีชื่อเสียง มาก ตลอดชีวิต เธอไม่เคยลืม คุณครูผู้นี้เลย เมื่อตอนเป็นเด็ก เธอซุกซนมาก อยากรู้อยากเห็น ช่างซักช่างถาม ไปเรียน หนังสือ ก็จะซักถามครูอยู่ตลอดเวลา เช่น เมื่อเห็นนกก็อยากรู้ว่า นกนี้มันเป็นอย่างไร มันมาทำไม มันพูดว่าอะไร นกมันก็พูดภาษาของนก แต่เด็กเต็มไปด้วยจินตนาการ อยากรู้อยากเห็น จนครู โรงเรียนนั้น บอกกับแม่ของโต๊ะโต๊ะจังว่า ไม่ไหวแล้ว ขอให้เอาไปเรียนที่อื่น พูดง่ายๆ ก็คือไล่ออก แต่พูดอย่างสุภาพ

แม่ก็พยายามหาโรงเรียนให้ลูกใหม่ จนไปพบโรงเรียนรถไฟ ก็พาลูกเดินเข้าไปโดยไม่มีความมั่นใจเลยว่า ครูโรงเรียนนี้ จะยอมรับลูกสาว ตัวน้อยหรือไม่ หนูน้อยนั้น พอเห็น โรงเรียนก็ชอบใจ อยากจะเรียนที่นี่ แม่ก็เข้าไปคุยกับครูใหญ่ ซึ่งรูปร่างหน้าตา ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย หัวก็ล้าน ฟันหน้าก็หัก

พอพบหนูน้อยตาใสแจ๋ว ท่าทางมีความ สุจริตเชื่อมั่นอย่างไร้เดียงสา ครูใหญ่ก็ชวนพูดคุย คือ สัมภาษณ์นั่นเอง แม่หนูก็เล่าให้ฟังทุกอย่าง ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ คุยกัน ๓ ชั่วโมง จนถึงเวลาอาหาร กลางวัน ครูใหญ่ก็ชวนไปกินข้าว โต๊ะโต๊ะจังขอถาม อีกประโยคหนึ่งว่า "แล้วหนูจะได้เข้าเรียน ที่โรงเรียนนี้ไหม?" ครูใหญ่ตอบว่า "แน่นอนที่สุด"

เมื่อเติบโตขึ้นเธอจึงไม่เคยลืมพระคุณของครูคนนี้ ที่ได้ช่วยให้เธอเป็นคนมีจิตวิญญาณ ที่สามารถ มองโลก ด้วยความแจ่มใส และถูกต้อง จนยืนขึ้นได้ ด้วยตัวของตัวเอง อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ลองนึกดูว่า ถ้าเด็กน้อยคนนี้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนหนึ่ง แล้วพอไปเข้าโรงเรียนใหม่ ก็ถูกไล่ออกอีก อนาคตของเธอ จะเป็นอย่างไร คงจะไม่ได้เป็นผู้ที่ได้รับความสำเร็จ ในชีวิตเช่นนี้ นอกจากจะเป็น ผู้จัดรายการทีวีแล้ว เธอยังเป็น นักเขียนหนังสือ สำหรับเด็ก และทำงานที่มีประโยชน์ อีกหลายอย่าง จน ได้รับเลือกจากองค์การยูนิเซฟ ให้เป็นทูตเพื่อเด็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น