วันที่ 16 ตุลาคม 2554 คณะครูจากโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ จ.ขอนแก่น ได้เข้ามาอบรมที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการอบรม ก่อนที่ทางคณะครูจะเดินทางกลับ
ครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง ได้สรุปภาพรวมของกิจกรรมทั้ง 2 วัน จากนั้นครูใหญ่ได้อ่านเรื่องราวของเท็ดดี้ให้คุณครูทั้งหมดที่อยู่ห้องประชุมในวันนั้น(ครูนอกกะลา+ครูจากขอนแก่น)รวมแล้วก็ประมาณ 100 กว่าคนเห็นจะได้ครับ
เรื่องของเท็ดดี้
ในวันแรกของการเรียน คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.5 ของครูทั้งชั้นซะแล้ว คุณครูบอกกับนักเรียนว่า ครูรักเด็กๆ เท่ากันหมดเลย แต่ในความเป็นจริง มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนหนึ่ง ชื่อ 'เท็ดดี้ สต๊อดดารด์' ซึ่งครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีหนึ่ง และ สังเกตว่าเขาท่าทางขี้เกียจไม่ร่าเริงไม่เล่าหัวเราะกับใคร เสื้อผ้าของเขาสกปรกและตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลา แถมบางทีเท็ดดี้ก็เกเรเสียด้วย ถึงขั้นที่ว่าครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจงานของเท็ดดี้ ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว 'F' ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ เธอรู้สึกสะใจที่ได้ทำเช่นนั้นด้วยซ้ำไปในโรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอนนั้น คุณครูมีหน้าที่ที่จะต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนจากระเบียนสะสมประจำตัวและครูก็ผัดผ่อนไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้ เธอเก็บแฟ้มของเท็ดดี้ไว้ท้ายสุด แต่เมื่อคุณครูเปิดแฟ้มอ่าน ครูทอมป์สันก็แปลกใจมาก เมื่อพบว่า ครูชั้น ป.1 ของเท็ดดี้เขียนว่า 'น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว' คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.2 เขียนว่า 'เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหา เพราะแม่ของเท็ดกำลังป่วยหนักและชีวิตทางบ้านต้องลำบากมาก แน่ๆ ถ้าไม่ได้รับการการเยียวยาทางจิตใจให้ถูกต้อง' คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.3 เขียนว่า 'เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรัก ความสนใจเขาเท่าไหร่นักและชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ'
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.4 เขียนว่า 'เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควร ไม่ค่อยมีเพื่อนและชอบหลับในห้องเรียนเป็นประจำ'
ตอนนี้คุณครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้วและละอายใจตัวเองมากที่ตัดสินเกี่ยวกับเท็ดดี้ไปผิดๆ ก่อนหน้านี้ และครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก ในวันคริสต์มาส เมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญมาให้ แต่ละคนห่อด้วยกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้ ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้กลางกองของขวัญอื่นๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้นและขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่เพียงก้นขวดแก่เธอ แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็กๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่า 'กำไลเส้นนั้นสวยเหลือเกิน' ครูนำมันมาสวมใส่ไว้ที่ข้อมือทันที พร้อมกับฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย
เย็นวันนั้น เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ อยู่รอจนเย็นหลังเลิกเรียน เพื่อที่จะพูดกับคุณครูว่า 'ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ'
หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้เป็นชั่วโมงๆ ในวันนั้นเอง ที่คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียนและเลิกสอนเลขคณิต แต่คุณครูเริ่มหันมาสอนเด็กๆ แทน
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา คุณครูทอมป์สันก็เอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง! และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน แต่เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น 'ศิษย์โปรด' ของครูไป
หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้บอกครูว่า คุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี หกปีต่อมาครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบมัธยมปลายแล้ว สอบได้ที่สามในชั้นและคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต
สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีกบอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบาก เขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือและจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตเขา
จากนั้นสี่ปีผ่านไป จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็ถูกส่งมา ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่าคุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อยแล้ว จดหมายนั้นลงชื่อว่า 'นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดารด์'
เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ..
ฤดูใบไม้ผลินั้น ก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง แล้วก็กำลังจะแต่งงานกัน เขาเล่าว่าพ่อของเขาได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน และไม่แน่ใจว่าคุณครูทอมป์สันจะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อแม่เจ้าบ่าวในงานแต่งงานได้หรือไม่?
แน่นอนที่สุดครูทอมป์สันตอบตกลงมาร่วมงานแต่งงาน และทายซิว่าเกิดอะไรขึ้น! ในวันนั้น
คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้นมาร่วมในงานแต่งงานของเท็ดดี้ กำไลเส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูกและ ฉีดน้ำหอมขวดที่เท็ดดี้ให้ เมื่อพบกันครั้งนี้ ทั้งครูกับศิษย์ก็โผเข้ากอดกันกลมเลยและคุณหมอเท็ดก็กระซิบข้างหูของคุณครูทอมป์สันว่า
'ขอบคุณมากนะครับ ที่คุณครูเชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นคนสำคัญ และแสดงให้ผมเห็นว่า ผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีงามได้จริงๆ'
ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า 'หมอเท็ด เธอเข้าใจผิดแล้ว เธอต่างหากที่สอนครูว่า ครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ครูไม่เคยรู้จักการสอนที่แท้จริง จนกระทั่งครูได้พบได้รู้จักเธอนั่นแหละ'
(จากหนังสือ Chicken Soup for the soul)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมจิตศึกษาที่ครูสามารถอ่านถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรับฟังได้ พร้อมกับให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมหลังจากได้ฟังจบลง
ในขั้นนำก่อนสอนคณิตศาสตร์ผมนำเรื่องของเท็ดดี้ ไปเล่าให้เด็ก ป.5 ฟัง เด็กทุกคนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมมาก ค่อยติดตามเรื่องราวของเท็ดดี้ทีละฉากๆ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงอายุเดียวกันพอดี การที่เด็กคนหนึ่งเกิดความงอกงามในตัวเองได้เพียงนี้ เช่นดังคุณหมดเท็ดดี้นี้ นี่ก็ยังเป็น 'ปาฏิหาริย์การเปลี่ยนแปลง' อีกด้วยครับ
การที่เห็นผู้ฟัง มีความรู้สึกร่วม ผู้ดำเนินกิจกรรมก็จะมีความเชื่อมั่น และกิจกรรมนั้นก็จะดำเนินไปอย่างลื่นไหล แถมยังมีประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเช่นกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น