9 พ.ค. 2553

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ต้องแลกจึงได้มา



ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ต้องแลกจึงได้มา

ต้องเจ็บปวด ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ
หนักหน่วงจนแทบจะทนรับไว้ไม่ไหว
สำคัญ คือ รู้ว่าต้องการทำอะไร
แล้วมุ่งมั่น บากบั่น ตั้งใจ
ที่เหลือมันจะเปลี่ยเป็นพลังขับเคลื่อนมหาศาล
พลังนี้มีอยู่จริง รอคุณได้สัมผัสมัน...
คุณจะรู้ว่าน้ำตา ไม่ได้มีไว้ให้ความเสียใจอย่างเดียว
แต่ยังแทนค่า...ความปิติที่ทุกคนสัมผัสได้

2 ความคิดเห็น:

  1. ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน
    ค.ศ. 1796 ระบบการได้ยินของเบโทเฟนเริ่มมีปัญหา เขาเริ่มไม่ได้ยินเสียงในสถานที่กว้างๆ และเสียงกระซิบของผู้คน เขาตัดสินใจปิดเรื่องหูตึงนี้เอาไว้ เพราะในสังคมยุคนั้น ผู้ที่ร่างกายมีปัญหา(พิการ) จะถูกกลั่นแกล้ง เหยียดหยาม จนในที่สุดผู้พิการหลายคนกลายเป็นขอทาน ดังนั้น เขาต้องประสบความสำเร็จให้ได้เสียก่อนจึงจะเปิดเผยเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็เริ่มประพันธ์บทเพลงขึ้นมา แล้วจึงหันเหจากนักดนตรีมาเป็นผู้ประพันธ์เพลง เขาสร้างสรรค์ผลงานที่มีแนวแตกต่างไปจากดนตรียุคคลาสสิคคือ ใช้รูปแบบยุคคลาสสิค แต่ใช้เนื้อหาจากจิตใจ ความรู้สึกในการประพันธ์เพลง จึงทำให้ผลงานเป็นตัวของตัวเอง เนื้อหาของเพลงเต็มไปด้วยการแสดงออกของอารมณ์อย่างเด่นชัด

    ค.ศ. 1801 เบโทเฟนเปิดเผยเรื่องปัญหาในระบบการได้ยินให้ผู้อื่นฟังเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้สังคมยอมรับ ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอาการหูตึงอีก หลังจากนั้น ก็เป็นยุคที่เขาประพันธ์เพลงออกมามากมาย แต่เพลงที่เขาประพันธ์นั้นจะมีปัญหาตรงที่มันล้ำสมัยเกินไป ผู้ฟังเพลงไม่เข้าใจในเนื้อหา แต่ในภายหลัง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มเข้าใจในเนื้อเพลงของเบโทเฟน บทเพลงหลายเพลงเหล่านั้นก็เป็นที่นิยมล้นหลามมาถึงปัจจุบัน

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับ...
    ดูแล้วมีความมานะเพิ่มขึ้นเลย

    ตอบลบ