10 เม.ย. 2555

นิทานล้านบรรทัด - ประภาส ชลศรานนท์ // วิชาตัวเบา - คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์

หนังสือดีๆ 2 เล่ม จากผู้ปกครองที่น่ารัก..
จาก...แม่พี่เอินเอิน ป.5/54

ทุกเรื่องในโลกนี้ ไม่มีเรื่องใดสมเหตุสมผลเลย
เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในนิทาน
ลิงพูดได้ ใบไม้มีขา ม้าล่องหน 
แต่นี่แหละคือเสน่ห์แห่งนิทาน..
ปรัชญาอันยิ่งใหญ่ที่ติดตัวมากับมนุษย์ตั้งแต่เกิด
"ความคิดที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้หมด" และว่ากันว่าปรัญชาง่ายๆ ข้อนี้ มันจะค่อยๆ เสื่อมสลายไป เมื่อใช้ชีวิตเรื่อยๆ บนโลก

 ตุลาคม 2554


เคล็ดลับเพื่อทำชีวิตให้ง่าย
และมีความสุข 
ซึ่งเป็นการคิดอย่างง่ายๆ
ตามความเป็นจริงบนพื้นฐานแห่งความดี
ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่น


คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์
กันยายน 2546

นักเรียนชั้น ป.5 เราจะอ่านหนังสือกันทุกๆ วัน 
บางวันผมอาจจะพานักเรียนอ่านหนังสือในตอนเช้า-เที่ยง-เย็น หรือตามความเหมาะสมของเวลาในแต่ละวันที่นักเรียนมาเรียน
เราก็เลยคุยกันหลังการอ่าน นักเรียนเริ่มชอบการอ่าน เด็กบางคนยืนหนังสือไปอ่านต่อที่บ้าน เอาให้ผู้ปกครองยืมอ่านด้วย

..............................................................
ตัวอย่าง..บางตอนครับ...
เจ้าหญิงแสนโหล

กาลครั้งหนึ่งในยุคที่มีเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่เต็มไปหมด
ยังมีเจ้าหญิงอยู่องค์หนึ่งชื่อเจ้าหญิงแสนโหล เจ้าหญิงมักตรัสเสมอว่าใบหน้าของพระองค์ไม่ค่อยแตกต่างอะไรกับเจ้าหญิงเมืองอื่นๆ เลย
“ทำไมเจ้าหญิงต้องใส่กระโปรงบานและยาวอย่างนี้” เจ้าหญิงมักตรัสอย่างนี้กับสาวใช้คนสนิท
“แล้ว ทำไมเจ้าหญิงต้องใส่มงกุฎด้วย ฉันไม่อยากเป็นเจ้าหญิงคนอื่นๆ เลย ฉันอยากเป็นตัวของตัวเอง ฉันอยากเป็นเจ้าหญิงหนึ่งเดียว ไม่อยากเป็นเจ้าหญิงแสนโหล อย่าว่าแต่แสนโหลเลย โหลเดียวฉันก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกว่าฉันเหมือน”
ดังนั้นเจ้าหญิงแสนโหลจึงสั่งให้สาวใช้คนสนิทไปสืบดูว่าเจ้าหญิงเมืองอื่นๆ เขาทำอะไรกันบ้าง
“องค์หญิงเพคะ” สาวใช้กลับมารายงาน “เจ้าหญิงราพันเซลที่อยู่เมืองถัดไป เป็นเจ้าหญิงที่มีผมดำยาวสลวยเพคะ”
“อ๋อ เจ้าหญิงราพันเซลที่ปล่อยผมยาวลงมาจากหอคอยเพื่อให้เจ้าชายปีนขึ้นไปใช่ไหม
ดีล่ะ ฉันไม่อยากเหมือนนางหรอก ฉันไม่อยากเป็นเจ้าหญิงแสนโหล ฉันไม่อยากเหมือนนางหรอก
ฉันไม่อยากเป็นเจ้าหญิงแสนโหล ฉันไม่อยากเหมือนใคร”
พูดจบเจ้าหญิงแสนโหลก็เอากรรไกรมาตัดผมอันยาวสลวยของเธอออก
สาวใช้เห็นดังนั้นก็ตกใจ “ไม่ต้องตกใจ ไปสืบมาอีกว่าเจ้าหญิงองค์อื่นเขาทำอะไร”
สาวใช้กลับมาอีกพร้อมรายงาน “ถัดไปอีกสามเมืองเพคะ ประชาชนเรียกขานเจ้าหญิงองค์นี้ว่าเจ้าหญิงนิทรา ว่ากันว่านางหลับใหลเพื่อรอเจ้าชายมาจุมพิต”
“ดีล่ะ” เจ้าหญิงแสนโหลทำหน้าเชิดเหมือนนางร้ายละครหลังข่าว “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่ยอมนอนหลับง่ายๆ ฉันไม่อยากเหมือนนาง เจ้าต้องคอยปลุกฉันนะ คราใดที่ฉันเผลอนอนหลับเจ้าต้องปลุกฉัน”
สาวใช้หายไปอีกหลายวัน กลับมาคราวนี้สาวใช้มีเรื่องเจ้าหญิงเมืองอื่นมาเล่าให้ฟังถึงสามสี่เมือง
“เจ้าหญิงสโนวไวท์เธออยู่กับคนแคระทั้งเจ็ดเพคะ”
“จริงหรือ น่าเกลียดจังเลย เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไปอยู่กับผู้ชายเยอะแยะได้อย่างไร” เจ้าหญิงแสนโหลกล่าว
“แต่ในวังขององค์หญิงมีทหารหนุ่มเต็มไปหมดนี่เพคะ” สาวใช้ทักเจ้าหญิงแสนโหลโบกมือเฉไฉ
“เอาน่า แล้วในวังของเรามีคนแคระไหมล่ะ”
“มีเพคะ แต่เป็นคนแคระผู้หญิง” สาวใช้ตอบ
“ไล่มันออกจากวังไป ฉันไม่อยากให้ชื่อของฉันมีสร้ายคำท้ายเกี่ยวกับครแคระทั้งนั้น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“แต่เขาเป็นแม่ครัวของเรานะเพคะ”
“ไล่มันออกไป แล้วหาแม่ครัวใหม่ คราวนี้ห้ามเอาคนตัวเตี้ยมาอยู่ในครัวด้วย” เจ้าหญิงแสนโหลเริ่มดันทุรัง
“แล้วเจ้าหญิงคนต่อไปที่เจ้าไปสืบมาล่ะ”
“ข้ามภูเขาลูกนี้ไปเพคะ มีเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า ก่อนจะอภิเษกสมรสครองคู่อย่างมีความสุขนิรันดร
พระนางเคยทำงานบ้าน แล้วก็อยู่กับแม่เลี้ยงเพคะ” สาวใช้เล่าอย่างละเอียด
“ดีสิ ฉันไม่อยากทำงานบ้านอยู่แล้ว เอ..แล้วฉันมีแม่เลี้ยงไหม” เจ้าหญิงแสนโหลสนใจรายละเอียดไม่แพ้สาวใช้
“ไม่มีเพคะ” สาวใช้ตอบ
“อย่างนี้ก็แสดงว่าฉันไม่เหมือนยายนั่น” เจ้าหญิงแสนโหลดีใจ
“เพคะ แต่ถ้าเสด็จพ่อขององค์หญิงอภิเษกสมรสใหม่เมื่อไร องค์หญิงก็จะมีแม่เลี้ยงทันที”
สาวใช้พูดสำเนียงคล้ายบ่าง นั่นคือออกไปทางยุ
“ไม่ยอม ฉันไม่อยากเหมือนเจ้าหญิงซิน ฉันจะไม่ยอมให้เสด็จพ่ออภิเษกสมรสใหม่” เจ้าหญิงแสนโหลทำหน้าปั้นปึ่ง และเป็นหน้าปั้นปึ่งแบบที่ได้รับการตรวจสอบจากสาวใช้แล้วว่าไม่เหมือนเจ้า หญิงองค์ไหนแน่ๆ
“แล้วเจ้าหญิงอีกเมืองหนึ่งล่ะ”
“หม่อมฉันลอง ข้ามแม่น้ำไปแล้วเพคะ เมืองที่ฝั่งโน้น มีเจ้าหญิงรจนาพระชายาของเจ้าชายสังข์ทอง เรื่องราวของพระนางโรแมนติกเหลือเกิน พระนางทรงเสี่ยงมาลัยเลือกเจ้าขายได้เพคะ”
“ต่อให้โรแมนติกแค่ไหน ฉันก็ไม่ยอมเหมือน จากนี้อย่าให้ฉันจับพวงมาลัยนะ”
“ผ่านไปอีกหลายปี เจ้าหญิงผมสั้นที่ชอบอดหลับอดนอน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานบ้านอะไร แถมยังรังเกียจพวงมาลัยและคนแคระไปพร้อมๆ กัน ก็ยังคงให้สาวใช้ออกเดินทางไปทั่ว เพื่อสืบดูเรื่องราวของเจ้าหญิงองค์อื่นๆ แล้วก็นำมาเป็นข้อห้ามของตัวเอง
ยิ่งสืบเยอะ ข้อห้ามก็ยิ่งเยอะ
   ทุกวันนี้เจ้าหญิงแสนโหลได้เปลี่ยนชื่อใหม่ไปเป็นชื่ออื่นแล้ว แต่คนทั่วไปก็ยังคงเรียกพระนางว่าเจ้าหญิงแสนโหล เพราะพฤติกรรมที่เจ้าหญิงพยายามปฏิเสธไม่ทำ มันกลับทำให้ผู้คนพูดถึงองค์หญิงในเรื่องนั้น และทุกครั้งที่ผู้คนพูดถึงเจ้าหญิงองค์อื่นๆ ก็มักจะพูดโยงมาถึงเจ้าหญิงแสนโหลเสมอ
ตัวอย่างเช่น เมื่อพูดถึงเจ้าหญิงนิทรา ผู้คนก็จะพูดต่อว่า แล้วก็มีเจ้าหญิงอีกองค์ที่คล้ายๆ เจ้าหญิงนิทราแต่ไมค่อยยอมนอน เมื่อพูดถึงเจ้าหญิงสโนไวท์ ก็จะพูดกันต่อว่ายังมีเจ้าหญิงที่เคยมีคนแคระอยู่ในวัง แต่ตอนหลังรังเกียจคนแคระ เป็นต้น
ไม่มีใครพูดว่าเจ้าหญิงแสนโหลมีเอกลักษณ์พิเศษอันใดเลย
ยิ่งอยากพิเศษ ยิ่งไม่พิเศษ
.....................................................................
บางตัวอย่าง..ที่ประทับใจครับ...
วิชาตัวเบา
ที่เมื่ออ่านไปบ้างแล้วนั่นคือ "วิธีคิด" ซึ่งพระพุทธองค์เคยตรัสไว้ทำนองที่ว่าทุกสิ่งอยู่ที่ใจ หรือที่ความคิดนั่นเอง
ถ้าคิดดีก็พูดดี ทำดี
เป็นงานที่เรียบง่าย ภาษางดงามราวกับบทกวี ลึกซึ้ง รื่นรมย์ เย็นใจ เต็มไปด้วยอารมณ์แจ่มใส

เนื้อหาเต็มไปด้วยแนวคิดในทางบวก เหมือนเป็นอาหารที่เน้นสุขภาพจิต
มีอารมณ์ขัน เป็นกันเอง อ่านพอเข้าใจได้ เพราะพอจะเห็นเป็นจริง
เนื่องจากมันเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
อย่างน้อยอ่านก็เพื่อได้อยู่กับความเป็นจริงของชีวิตที่ต้องมีทั้งทุกข์และสุข

“ถกเถียง” กับ “ทะเลาะ”

ผิดกันตรงที่การเถียงมุ่งที่เนื้อหา และความคิดซึ่งทำให้เข้าใจกันและกัน ทำให้สมองแตกกิ่งก้านสาขา
และยังได้ความสนุกสนานชีวิตชีวาพ่วงมาด้วย แต่การทะเลาะนั้นพุ่งไปที่ตัวคน ทำให้เกิดแรงปะทะที่ร้อนและเป็นลบ

ทำใจ
ในชีวิตคนเราทุกคนมีเรื่องให้ต้อง “ทำใจ” ไม่เรื่องเล็กก็เรื่องใหญ่
การทำใจให้ยอมรับความเป็นจริงที่แก้ไม่ได้ เป็นทักษะที่น่าฝึกไว้เป็นวิทยายุทธ์ที่สำคัญยิ่งในการใช้ชีวิตการยอมรับไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการปูพื้นเพื่อก้าวไปอย่างสง่างามในโลกของความเป็นจริง

คนอวดดื้อถือบ้าอย่างข้าพเจ้า มีอัตตาสูง สร้างสมบ่มเพาะมาเป็นเวลานานยังรู้สึกดีและประทับใจถ้อยคำอันอบอุ่นที่คุณหญิงจำนงศรีถ่ายทอดออกมาอย่างอ่อนโยนและมีความเข้มแข็งในเนื้อหาทางธรรมผสมผสานกันไปอย่างกลมกลืน ไม่คิดว่าตัวเองอ่านจบแล้วจะบรรลุธรรมหรือเข้าใจอะไรทั้งหมดหรอก
แต่สิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อตนเองคือความคิดในเชิงบวก เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้และปฏิบัติ พร้อมเปิดหัวใจที่คับแคบได้มีช่องระบายใจไหลเวียนเข้า-ออกด้วยอากาศดี ๆ ที่พึงหายใจ ทางออกใหม่ ๆ ในด้านความคิดและความรู้สึก
(ความรู้สึกจากผู้อ่าน ท่านหนึ่ง)

เพราะให้ด้วยความรู้สึกรักและห่วงใยในความไม่เอาไหนของข้าพเจ้าที่มักจะลั่นดาลใจด้วยประตูที่ปิดตาย
ให้ด้วยความรู้สึกว่าข้าพเจ้าจะมีสติปัญญารับสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะในที่สุดแล้ว คนอื่นดูถูกเราได้ ก็ไม่เท่าเราดูถูกตนเอง ข้าพเจ้าจึงรับความรู้สึกหวังดีตรงนี้ของเขาได้จะค่อยๆ อ่านและทำความเข้าใจเผื่อจะได้สัมผัสแสงสว่างที่ลอดเข้ามาในห้องแคบๆ จากการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจของเขาได้บ้าง
เรามักจะยกย่อง "การให้" โดยมองข้ามคุณค่าของ "การรับอย่างงาม" ทั้งๆ ที่สองอย่างนี้เปรียบเสมือนหน้าสองหน้าของเหรียญเดียวกัน และเหรียญที่มีค่าจริง คือ เหรียญที่งามทั้งสองหน้า

คนที่ชอบให้ แต่ไม่อยากรับของใครนั้นมีมาก
คนที่รับ แต่ไม่คิดจะให้ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก

อันที่จริงแล้ว
การรู้จักรับอย่างงดงาม เป็นศิลปะที่ละเอียดอ่อนไม่น้อยไปกว่า การให้ด้วยใจบริสุทธิ์
ถ้าเรียนรู้ศิลปะทั้งสองนี้ให้ลึกซึ้งถึงใจ เราก็จะรู้จักเปิดประตูให้น้ำเลี้ยงใจไหลสู่กัน
เพื่อเพิ่มความชุ่มฉ่ำงดงามให้ชีวิต

ผมยังมีหนังสือดีๆ อีกหลายเล่มที่ได้รับมาโดยการบริจาคของเด็กๆ และผู้ปกครองที่น่ารักทั้ง 29 คน ผมเชื่อว่าหนังสือหลายๆ ต่อหลายเล่มนั้นได้ทำให้เด็กๆ มีน้ำตาและเสียงหัวเราะ
หลายคนยืมอ่านต่อๆ กัน เกิดการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวจากหนังสือ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น