30 ส.ค. 2553
ถ้าฉันมีเงิน 1,000,000 บาท...
24 ส.ค. 2553
อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้!...
22 ส.ค. 2553
หัวใจเห็ดเมา
ใครๆ เขาเรียกขานนานแล้วหนา
เจ้าเห็ดเมาพวกเราโดนตีตรา
พอเห็นหน้าเขาก็เมินเดินหนีไป
หากบนโลกขาดเห็ดเมาเช่นเรานี้
หมายถึงดินทุกที่ไม่มีสารอาหารให้
ที่ใดมีเห็ดย่อมชุมชื่นเบิกบานสำราญใจ
ดั่งหนอนน้อยคลานชอนไชใต้ใบเรา
ลองหยุดมองตรองดูอีกสักนิด
ว่าเห็ดเมาเห็ดพิษผิดตรงไหน
หากเลือกเกิดเองได้คงสบายใจ
จะไม่ขอเกิดเป็นอะไรในโลกา
ในเมื่อเกิดมาแล้วไม่แคล้วคลาด
อย่าทำตัวขี้ขลาดนักเลยหนา
หากมัวเศร้าเหงาใจใครนำพา
ต้องตามทันวันเวลาที่เปลี่ยนไป
ดูอย่างข้าเห็ดเมาเอาเยื่องอย่าง
ผู้คนต่างสมน้ำหน้าว่าเสียๆ หายๆ
ข้าก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวทั้งใจกาย
แม้ต้องตายข้า็ก็ยอมพร้อมจำนน
จงอย่าเผลอหยิบเราเอาเข้าปาก
ถ้าไม่อยากจากโลกไปไกลสุดโข
เดินเข้าป่าเห็นพวกเราเขาตาโต
จงอย่าโง่เสร็จพวกเราเห็ดเมาเอย
เจ้าสนิมสร้อย
กระโดดไปที่ไหนๆ ใครพบเห็น
ต่างชื่นชมในตัวเจ้าทั้งเช้าเย็น
พอมองเห็นเจ้าที่ไรใจชื่นบาน
อันตัวข้ามีนามว่าสนิมสร้อย
เป็นกระต่ายตัวน้อยน่าสงสาร
เจ้าเคยมีเพื่อนเล่นมาช้านาน
แล้ววันวานผ่านไปใยไม่มี
เที่ยวเดินตามถามไถ่ใครเห็นบ้าง
เพื่อนน้ำค้างกับขาวผ่องทั้งสองสี
น้ำค้างมีสีน้ำตาลแกมขาวบ้างบางที่
ส่วนขาวผ่องนั้นมีสีดำทั่วทั้งตัว
ทั่งสองได้หายไปหลายวันแล้ว
ไม่รู้แมวหรือหมามาคอยป่วน
เห็นกระต่ายไม่ได้ชอบก่อกวน
หรือทั้งคู่มรณาเพราะหมากิน
หากที่กล่าวเป็นจริงยิ่งน่าเศร้า
เพราะว่าเจ้าสนิมสร้อยนั่งคอยหา
เพื่อนสองตัวเมื่อไหร่จะกลับมา
อนิจจาเจ้ากรรมกลับซ้ำเติม
สิ่งที่ว่ากล่าวมาคืออดีต
มันถูกขีดเอาไว้หมดแล้วน้องแก้วเอ๋ย
ไม่สามารถขัดขืนเอาคืนมาได้เลย
สุดจะเอ่ยออกไปให้ใครฟัง
ขอมอบกำลังใจให้กับสนิมสร้อย
เจ้ากระต่ายตัวน้อยผู้น่าสงสาร
ขอให้เจ้าจงมีสุขทุกวันวาน
อย่าได้พาลพบหมาแมวแคล้วคลาดเอย
น้อยหน่า...ของพี่สาว
ไม่ได้ปลูกแล้วมาได้ยังไงหนอ
ก่อนจะรู้ที่มาของมันท่านโปรดรอ
ข้าจะขอบอกความนัยของใจตน
นานมาแล้วมีเด็กน้อยผู้น่ารัก
ฝนตกหนักทีไรใจสับสน
คอยคิดถึงแต่มะม่วงที่ร่วงหล่น
กลัวว่าคนอื่นเขาจะเอาไปกิน
ในสวนยายมีผลไม้หลายชนิด
ไม่เคยคิดเก็บมาน่าฉงน
พูดไปพูดมายิ่งวกวน
แท้ที่จริงเพราะไม่มีคนมาแย่ง มาแข่งกัน
มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า
ถึงน้อยหน่าที่ว่ามาตั้งแต่ต้น
มีพี่สาวผู้น่ารักอยู่หนึ่งคน
เดินเวียนวนถือถุงพะรุงพะรัง
พี่แกเดินไปทั่วทัวร์ทุกห้อง
พร้อมทั้งร้องตะโกนหาว่าอยู่ไหน
เคาะประตูห้องโนนห้องนี้เรื่อยๆ ไป
จนสุดท้ายมาห้องเราเข้าพอดี
ทันใดนั้นเสี่ยงเคาะดังจากข้างนอก
จึงตะโกนบอกออกไปนั้นใครหนา
เสียงตอบรับนั้นดังทะลุเข้ามา
"พี่แจ๋วจ้า" มีของฝากจากบ้านเรา
พอได้ยินว่าของฝากก็อยากได้
คิดในใจว่าจะได้อะไรหนอ
พร้อมกับเปิดประตูออกไปไม่รีรอ
รู้แล้วหนอว่าใครให้น้อยหน่ากับข้าเอย.....
เรื่องน้อยหน่ายังไม่จบเพียงแค่นี้
มันยังมีอีกอย่างค้างไว้ในใจข้า
อยากจะบอกถึงพี่แจ๋วที่แล้วมา
อันน้อยหน่าที่ให้ถูกใจจัง
แต่มันมีอีกอย่างที่ตัวข้านั้นอยากเล่า
หากพี่เจ้าฟังแล้วอย่าถือโทษโกรธเลยหนา
น้อยหน่าที่พี่ให้มันดิบกินไม่ได้ต้องใช้เวลา
โอกาสหน้ามีอีกขอที่สุกกินได้ทันใจเอย.....
.....ขอบคุณพี่แจ๋วที่น่ารักค่ะ.......รักหรอกจึงหยอกเล่น......
วันวานที่ผ่านพ้น....
แสงแดด แผดเผา เราร้อน
สายลม โชยเอื่อย เหนื่อยอ่อน
อาทร ต่อข้า เถอะฟ้าลม...
...ชาวนา รอฟ้า รอฝน
อดทน เพื่อลูก เพื่อหลาน
ฝนมา ชาวนา ได้ทำงาน
เบิกบาน ดวงใจ คลายเศร้าตรม...
...ปลายฝน ต้นหนาว ข้าวท้อง
เมียงมอง ออกไป ไกลโข
เห็นข้าว ตัวอ้วน ท้องโย้
ออกรวง ให้ข้าว เรากิน...
...ถึงครา ชาวนา เก็บเกี่ยว
ทุกคน ถือเคียว ออกทุ่ง
เกี่ยวข้าว ในนา ทั้งป้าลุง
หอมฟุ้ง กลิ่นข้าวทอง สองข้างทาง...
...หนูน้อย วิ่งตาม แม่พ่อ
ร้องขอ ดนตรี สร้างสีสัน
ปี่ข้าว เอามา แบ่งปัน
สร้างสรรค์ บรรเลง เพลงปี่เอย...
20 ส.ค. 2553
เทียนเล่มน้อย
ครูอยู่ที่ไหน เจริญรุดไปที่นั้น
เพราะครูคือผู้สร้างสรรค์ ส่งเสริมภูมิปัญญา
ดังแสงเทียนจุดท่า ต้านพายุแรงล้มเป่า
มิเคยมอดดับอับเฉา ดับเพียงโงเหขลาของคน
(สร้อย) ครูหวังตั้งใจให้การศึกษา (ซ้ำ)
ส่งเสริมวิญญายอยกจิตชล (ซ้ำ)
ส่งเสริมดรุณสร้างบุญกุศล (ซ้ำ)
สร้างฐานะตนเรียนรู้สิ่งปวง ครูเหมือนเทียนเล่มน้อย
แต่มีแสงลอยโชติช่วง แม้นรวมเป็นหมื่นแสนดวง
ย่อมพาโลกนี้สว่าง ชีวิตครูแจ่มใส มิใช่เรือแจวจ้าง
ขอครูจงอย่าระคาง ถ่อยคำคนเขลาเย้ยให้
(ซ้ำ สร้อย)
18 ส.ค. 2553
หนาว
แม้นสายลมแผ่วเบาก็หนาวได้
สายฝนพรำโปรยมาแค่หนาวกาย
ยามโดดเดี่ยวเดียวดายฤทัยตรม......
...ยามสายลมพัดผ่านกาลนั้นเปลี่ยน
คอยวนเวียนเปลี่ยนไปให้ใจเหงา
นำฝนมาพาฟ้าครึ้มหล่นแผ่วเบา
ทำใจเราเศร้าไปในไวพลัน...
...หากหนาวกายคลายไ้ด้โดยห่มผ้า
แต่หนาวใจนั่นหนาไร้ผ่าห่ม
หนาวยามใดไร้คู่ไร้ชู้ชม
ต้องตรอมตรมหนาวใจไร้คนมอง...
สายลม
หากใจนิ่งไหนเลยจะกวัดแกว่ง
พอมีแรงลมพัดมาน่าใจหาย
ใจที่เคยนิ่งสงบกระวนกระวาย
เพราะเจ้าสายลมน้อยคอยก่อกวน
...ฝ่ายลมน้อยเอื่อนเอ่ยข้าขอโทษ
จงอย่าโกรธที่พัดผ่านทุกท่านหนา
ข้าตั้งใจมามอบรัก มอบศรัทธา
ขอจงอย่าแปลเจตนาที่ข้ามี
อันตัวข้านำพาแต่ความรัก
ผู้ใดได้ประจักษ์กับรักของข้านี้
แม้ตัวตนของข้ามองหาไม่เคยมี
แต่รักข้ามีให้ไม่ถดถอยลดน้อยเลย
ยิ้ม
ยิ้ม...นั้นชักชวนให้คลายหม่นหมอง
ยิ้ม...ทั้งตาปากคิ้ว ช่างน่ามอง
ยิ้ม...ไม่ต้องจ่ายเงิน หรือเชิญมา
ยิ้ม...ไว้เถิดพี่น้องทั้งผองนี้
ยิ้ม...ทุกที่ ทุกคราที่ปรารถนา
ยิ้ม...แล้วสวย น่ารัก ประจักอุรา
...ขอเชิญมาส่งยิ้มกันทุกวันเอย...
9 ส.ค. 2553
Patterning...
.
.
6 ส.ค. 2553
ดำนา ‘ 53 …
4 ส.ค. 2553
รากที่ถูกลืม
มุมมองสะท้านรากฝังลึก
เมื่อฉันยังเป็นเด็ก
ฉันถามแม่ว่า
โตขึ้นฉันจะเป็นเช่นไร
จะสวย จะร่ำรวยไหม
แม่ตอบว่าQue sera, sera
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น
Que sera, seraอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
เมื่อฉันยังเป็นเด็ก
ฉันถามแม่ว่า
โตขึ้นฉันจะเป็นเช่นไร
จะหล่อ จะร่ำรวยไหม
แม่ตอบว่าQue sera, sera
อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด
อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น
Que sera, sera
ทุกชีวิตมีคุณค่า เติมเต็มทุกชีวิตแรกเกิดให้มีคุณค่าทัดเทียม ไม่ว่าอนาคตของการคลอดจะออกมาเป็นอย่างไร จะสมบูรณ์ จะอัจฉริยะ หรือ จะด้อยโอกาสก็ตาม เป็นการตอกย้ำ The value added of living
การตั้งคำถามให้ได้ฉุกคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงและอาจไม่แน่นอน
บวกกับการสะท้อนทัศนคติชีวิตที่แตกต่างให้ดีที่สุดด้วยวิธีการและเนื้อหาที่เรียบ ง่ายที่สุด
เรื่องราวเริ่มต้นที่งานแสดงดนตรีของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งนำเสนอผ่าน เด็กอายุประมาณ 5 ขวบ จำนวน 30 คน ทั้งชายและหญิงที่กำลังตั้งใจร้องเพลง Que Sera Sera ต่อหน้าพ่อแม่ของพวกเขา
เนื้อหาของเพลงเป็นการตั้งคำถามอันบริสุทธิ์ของเด็กที่มีต่อคุณแม่ ซึ่งไม่ว่าคำถามจะถูกถามว่าอะไร คำตอบที่ได้รับคือ “อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด อนาคตคือสิ่งที่มองไม่เห็น อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด” ภาพจะค่อย ๆ ถูกเฉลยมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงลักษณะของเด็กแต่ละคนที่สมบูรณ์และพิการแต่แววตาใสบริสุทธิ์ ควบคู่ไปกับคุณแม่ที่บ้างก็มีสีหน้าและแววตาที่ลุ้นลูก ประทับใจลูก หรือแม้แต่เป็นห่วงลูก เรื่องราวได้ดำเนินไปสู่ความนึกคิด การตั้งคำถามกับความจริงของชีวิตบนโลกใบนี้
ภาพตัดสลับไปรับกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 5-6 เดือนท่านหนึ่ง กำลังใช้มือกุมท้อง ข้อความ “ชีวิตเกิดมาแตกต่างแต่ดูแลให้ดีที่สุดได้ “จงมองให้เห็นคุณค่าของทุกชีวิต”
เพียงแต่เรามุุ่งหวังที่จะสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อวิถีการเรียนรู้ โอกาสที่เราท่านทั้งหลายร่วมกันสร้าง
"ชีวิตเกิดมาแตกต่าง แต่ดูแลให้ดีได้"
จาก Que sera, sera สู่ หนังสั้น "เหมือนฝันร้ายที่หลอกหลอน"
เสมือนฝันร้ายที่หลอกหลอน
: คมทวน คันธนู
เรื่อง ราวระหว่างเพื่อนสองคน ใช้ชีวิตด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียน หากแต่นิสัยสองคนต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งจริงจังกับชีวิต แต่อีกคนขี้เกียจตัวเป็นขน และ “เฉื่อย” สมชื่อ เพื่อนผู้จริงจังกับชีวิตคาดหวังว่า ชีวิตของ เฉื่อย จะดีขึ้นหากได้เข้าใจทฤษฎีการเมือง การต่อสู้เพื่อความเสมอภาค เขาสรรหาหนังสือ ถ้อยคำ ทฤษฎีต่าง ๆ มาเล่าสู่เพื่อนฟัง แต่ เฉื่อย ยังมีนิสัยเฉื่อยชา วันยังค่ำ อย่าว่าแต่อ่านหนังสือเลย ห้องหอที่เขาหลับนอนยังรกรุงรัง แม้จะเปลี่ยนชื่อให้เป็น “คล่องศักดิ์” แต่ความเฉื่อยชายังมีอยู่ แม้จะแต่งงานมีเมียไปแล้ว นิสัยของเฉื่อยยังคงเหมือนเมื่อตอนเรียนมัธยม จนเป็นโรคตายไปเสียเฉย ๆ กระทั่ง เพื่อนผู้จริงจังกับชีวิตมาพบความจริงว่า แท้ที่จริงชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ก็เมื่อเขามีเมียที่ขี้เกียจเหมือนเฉื่อย และเมียเขาคนนี้ ก็คือเมียของเฉื่อยที่ฝากไว้ก่อนตายรากที่หยั่งลึกในตัวตนของชีวิต สองความต่างที่ทำให้เราได้เรียนรู้
We cannot direct the wind, but we can adjust the sails.
เราไม่สามารถกำหนดทิศทางลมได้เอง แต่เราสามารถปรับใบเรือได้
Bertha Calloway
ผมจะไปวาดรูปมาติดบอร์ดคณิตฯ ให้คุณครูนะครับ ...
"ผมขอเอาไปทำต่อเป็นการบ้านนะครับคุณครู” ผมก็อนุญาติให้เอาไปทำต่อเป็นการบ้าน
เป็นเวลาผ่านไปหลายวันมากๆ จนผมสอนเรื่องใหม่ๆ ให้พี่ปองผ่านไปเกือบ 2 เรื่องแล้ว และแล้วพี่ปองก็นำคำตอบของโจทย์ข้อที่ 3 ที่เขาขอกลับไปทำเป็นการบ้านเมื่อ 2-3 สัปดาห์ ก่อนมาส่งผม..
วันที่ส่งงานรูปวาดของพี่ปองนั้นเอง ผมพึ่งรู้ความเป็นมาของเรื่องราวรูปเล็กๆ แผ่นนั้นจากน้องสาวของพี่ปอง(พี่ฟ้า ป.4) บอกกับผมว่า..พี่ปองตั้งใจทำงานชิ้นนี้มากเลยนะค่ะ วันที่มาส่งงานพี่ปองตื่นแต่เช้ารีบปลุกหนูลุกมาอาบน้ำ ทานข้าว ฯลฯ เพื่อที่จะมาโรงเรียนให้ทันก่อนที่ครูป้อมจะมาถึงโต๊ะทำงานในวันสุดท้ายของ Quarter 1 ...