6 พ.ค. 2557

play it forward - โลกสวยด้วยการให้

เรื่องราวการให้ของนักเรียนชั้นประถม 6 จากภาพยนตร์เรื่อง "play it forward" เป็นเรื่องปฏิกิรินาลูกโซ่ของการให้ เป็นภาพยนตร์ที่ให้ข้อคิดอย่างน่าประทับใจยิ่ง
ในวิชาสังคมศาสตร์ คุณครูซิมโฟเนตให้การบ้านทั้ง 1 ปีด้วยโจทย์ 1 ข้อคือ "ให้คิดหาทางเปลี่ยนโลกแล้วนำไปปฏิบัติ"
แทรเวอร์ หนูน้อยชั้นประถม 6 ได้คิดวิธีการเปลี่ยนโลก โดยการช่วยเหลือคน 3 คน และคนที่ถูกช่วยก็ไปช่วยคนอีก 3 คนเป็นทอดๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งแทรเวอร์ได้ใช้คำว่า "การจ่ายล่วงหน้า"

แผนงานการคิดเปลี่ยนแปลงโลกของแทรเวอร์ได้ถูกนำไปปฏิบัติทันที เรื่อง "การจ่ายล่วงหน้า" ขยายวงไปอย่างกว้างขวางจากเมืองหนึ่งสู่อีกเมื่อหนึ่งและเป็นไปอย่างรวดเร็ว จากรัฐหนึ่งไปสู่อีกรัฐหนึ่ง
จนนักข่าวผู้หนึ่งได้ใช้ความพยายามติดตามต้นตอของเรื่องการจ่ายล่วงหน้า พบว่าเป็นแนวคิดของแทรเวอร์
ในช่วงท้ายของเรื่อง แทรเวอร์เห็นอดัมกำลังถูกรังแกจากแก๊งวันรุ่น เขาตัดสินใจเข้าไปช่วย แต่โชคร้ายแทรเวอร์ถูกแทงจนเสียชีวิต
มีคนจากเครือข่ายที่ได้รับการช่วยเหลือจากแนวความคิดเรื่องการจ่ายล่วงหน้านับหมื่นนับแสนคน หลั่งไหลกันมาร่วมงานศพของแทรเวอร์ "ผู้เปลี่ยนแปลงโลกให้สวยงามโดยการให้"

โลกสวยด้วยการให้

Have you heard? คุณเคยได้ยินไหม..
ว่าเมื่อเราให้สิ่งใดกับใครไป เท่ากับว่าเราได้ส่งสิ่งนั้นให้กับคนอื่นๆต่อไปอีกสามคน ต่อมาคนสามคนที่ได้รับจากเรา ก็ส่งมอบต่อไปยังคนอีกสามคนของเขา เเละจะเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวน “ผู้ให้” และในแต่ละวันคนเหล่านั้นทุกคนจะส่งผ่านการให้ต่อไปอีกสามคน เป็นอย่างนี้เรื่อยๆเป็นคลื่นกระเพื่อมของความดี


"Pay it Forward"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่ง ที่คิดทฤษฎีเปลี่ยนแปลงโลกขึ้นมา!!! ที่น่าสนใจคือ ทฤษฎีนี้ง่ายมากๆ โดยการเริ่มที่ตัวเองก่อนเริ่มที่จะช่วยเหลือคนรอบข้าง เช่น แม่ ครู และคนข้างถนน จนในที่สุดก็เกิดกระแสแห่งความดีกระเพื่อมไปทั่วทั้งประเทศ ...

เกี่ยวกับผู้เขียน "Pay it Forward" Catherine Ryan Hyde ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้ว่า เกิดจากเหตุการณ์จริงที่ประสบกับตัวเธอเมื่อประมาณกว่า ๒๐ ปีมาแล้ว
"... กลางดึกคืนหนึ่งฉันขับรถอยู่บนถนนสายเปลี่ยว แล้วรถเกิดเสียขึ้นมา มีควันเข้ามาในรถ
ภายใต้ความตกใจกลัว...
ฉันเห็นชายสองคนเดินเข้ามา ในใจคิดว่าเขาจะมาปล้นหรือทำร้าย ปรากฎว่าเขาเข้ามาช่วยดูรถให้ และช่วยชีวิตฉันจากการระเบิดของเครื่องยนต์ รวมทั้งตามหน่วยกู้ภัยมาให้...
และขณะที่ฉันกำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่นั้น ฉันก็พยายามมองหาชาย ๒ คนนั้นเพื่อจะกล่าวคำขอบคุณ แต่ก็ไม่เห็นพวกเขาเสียแล้ว...
ฉันเองอยากจะตอบแทนพวกเขา แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงคอยมองผู้คนรอบข้างที่ต้องการความช่วยเหลือ และช่วยเหลือพวกเขา...

ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนคนแปลกหน้าที่ ๒ คน ที่เขาเคยช่วยฉันในคืนนั้นนั่นเอง..."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น