15 ต.ค. 2552

เรื่องเล่าจากห้องหกเหลี่ยม ตอนที่ 1

เรื่องเล่า จากห้องหกเหลี่ยม

1
วันเปิดเทอม

วันนี้ครูตื่นแต่เช้า เพื่อจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์ในตอนพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างที่เดินไปห้องทำงานครูก็พลันคิดถึงเด็กๆพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข
“ ยินดีต้อนรับเปิดเทอม ” ครูนึกประโยคสั้นๆและต้องใช้อยู่บ่อยๆอยู่ทุกครั้งของการเปิดเทอม วันนี้แล้วสินะที่ครูจะได้พบกับลูกศิษย์ตัวน้อยที่สอนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก แต่เดี๋ยวนี้ เดินเฉียดครูทีไร ครูรู้สึกว่าตัวเองตัวเตี้ยทุกที
ในชีวิตของครูถ้าไม่นับพ่อกับแม่และบุคคลสำคัญอื่นๆแล้ว ลูกศิษย์เป็นเสมือนบุคคลที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของครูมากมาย และเป็นเสมือนพลังอันมหาศาลที่ช่วยผลักดันให้ครูทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้น “ลูกศิษย์ที่รัก”

“คุณครูบัวขา ทำไมคุณครูถึงได้มาเป็นครูคะ หนูก็อยากเป็นครูเหมือนกันนะคะคุณครู” เสียงเจื้อยจ้อยเอื้อนเอ่ยคำพูดที่เหมือนน้ำเย็นชโลมใจครูดังขึ้น แล้วเจ้าตัวเล็กก็สมมติตัวเองเป็นคุณครูคอยสอนเพื่อน เป็นที่สนุกสนานและถูกอกถูกใจครูและเพื่อนเสียจริงๆ “ผมไม่อยากเป็นครูหรอกครับ เด็กเดี๋ยวนี้ดื้อนะครับคุณครู” อีกเสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นมา “ใช่ค่ะคุณครู แต่หนูชอบนะคะอยากสอนเด็กให้มีความรู้ แต่พ่อแม่หนูบอกว่าเป็นครูลำบาก เงินเดือนก็น้อย”
“ไม่ว่าเด็กๆอยากจะเป็นอะไร ครูก็ว่าดีทั้งนั้นนะคะ ส่วนอาชีพไหนดีที่สุด ครูตัดสินไม่ได้จริงๆ เพราะทุกๆอาชีพย่อมมีคุณค่าและสร้างประโยชน์
ให้กับตนเองและผู้อื่นได้เสมอ และอาชีพนั้นต้องเป็นอาชีพสุจริตด้วยนะคะ” เด็กๆพอได้ฟังครูพูดก็เงียบ และอมยิ้ม
“คุณครูบัวขา หนูได้ไปเที่ยวทะเลด้วยค่ะ ” นิดหน่อยตะโกนบอกครูด้วยความตื่นเต้น “นิดหน่อยพบอะไรบ้างคะที่ทะเล” ครูถาม
“หนูได้เล่นน้ำทะเลแล้วก็กินน้ำทะเลไปหลายอึกค่ะคุณครู”นิดหน่อยตอบและทำหน้าเหมือนพึ่งกินน้ำทะเลมาจริงๆ “จริงเหรอคะ แล้วเด็กๆคนอื่นล่ะคะ ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างเอ่ย” ครูบัวพูดคุยกับลูกศิษย์ด้วยความเอ็นดู เด็กๆที่นี่ถึงแม้จะมีพื้นเพเดียวกัน แต่อาจจะมีความแตกต่างกันบ้าง เกี่ยวกับสภาพครอบครัว การใช้ชีวิต แต่ทุกคนก็มีความสุขที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ให้เพื่อนคนอื่นได้อิ่มเอมไปกับความสุขของกันและกัน
“เค้าไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอก เค้าอยู่บ้าน แล้วก็ไปเลี้ยงควาย เลี้ยงวัว ไปนากับพ่อ” ตึ๋งเด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าภูเขานิดเดียวพูดขึ้น “ควายขวิดตัวเองไหมล่ะ” นิดหน่อยผู้ช่างเจรจาเอ่ยถาม “ จะบ้านิ ควายไม่ได้ขวิดคนง่ายๆหรอกนะ เค้าขี่มาตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้ว” ตึ๋งตอบปนรำคาญเพื่อนนิดๆ “ครูขาหนูว่าควายไม่กล้าขวิดตึ๋งหรอกค่ะ เพราะตึ๋งน่ากลัวกว่า...............ยังไง หนูอยากไปเที่ยวบ้านตึ๋งค่ะ” นิดหน่อยพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจผิดกับตึ๋งที่นั่งหน้างอนอยู่ใกล้ๆกัน
บางครั้งความแตกต่างก็ไม่ได้เกิดการเปรียบเทียบ หรือเป็นปัญหา แต่กลับเกิดแง่คิดใหม่ๆที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้ ขึ้นอยู่กับมุมมองและการคิดของแต่ละคน
ถึงเวลาเข้าแถวแล้ว เด็กๆกลุ่มใหญ่ที่เล่นกระโดดยาง สลายตัวอย่างรวดเร็ว และแน่นอนในเวลาว่างพวกเขาก็จะรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่วนทางด้านกลุ่มที่เล่นฟุตบอล ก็กอดลูกบอลไว้แน่น และเก็บลูกบอลไว้ตามเดิม และที่น่าชื่นชมที่สุดคือเด็กๆทุกคนทุกชั้นเข้าแถวเคารพธงชาติก่อนเวลา 5 นาที โดยที่ครูไม่ต้องเตือน พวกเขาให้เหตุผลว่า “หนูคิดถึงโรงเรียน”

. ...........................ไม่ใช่เฉพาะเด็กๆหรอกค่ะที่คิดถึงโรงเรียน....................

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 ตุลาคม, 2552 11:33

    จะมีสักกี่คน ที่ได้สัมผัสมนุษย์ตัวน้อยๆ นี้ วิิถีแห่งการเรียนรู้จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์เกิดขึ้นที่นี่เป็นไปอย่างเรียบง่าย ผ่านวันแล้ววันเล่า รอวันเติมโตและงดงาม ในโลกใบเล็กใบนี้ ที่มี อาชีพหนึ่งที่เรียกว่า "ครู ..."

    ตอบลบ
  2. การมีวิถีชีวิตที่งดงามร่วมกัน จะทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อยไปอย่างระมัดระวัง เป้นกำลังใจให้ครูทุกคน

    ตอบลบ
  3. วันจันทร์นี้แล้วสิ...เราจะได้เจอหน้าลูกศิษย์ที่น่ารักของเรา
    เป็นกำลังใจให้สู้ สู้ จ้า

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ16 ตุลาคม, 2552 21:12

    แม้เวลาผ่าน ฤดูกาลเปลี่ยน แต่กำลังใจยังมีให้เสมอ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ สู้ ต่อไป

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันสร้างสรรค์งาน
    ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ลงบนผ้าขาวผืนน้อยๆร่วมกัน งานทุกชิ้นสวยและมีคุณค่าเสมอค่ะ

    ตอบลบ