21 ต.ค. 2552

บันทึกของเสียงหัวใจ

ความสุขยังคงอิ่มเอิบอยู่ในจิตใจ การเดินทางครั้งนี้เสมือนการเติมเต็มความฝันที่ขาดหายไป ให้กลับมามีชีวิตชีวาใหม่อีกครั้งหนึ่ง มีเพื่อนคนหนึ่งเคยถามว่า คิดถึงเด็กๆที่เราเคยออกค่ายด้วยกันมั๊ย ตอบได้เลยว่า คิดถึง เวลาหลับตาลงครั้งใด ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กๆยังคงดังกึกก้องในหัวใจ มันเหมือนฝัน ความฝันกับความจริงย่อมต่างกัน ชีวิตในโลกแห่งความจริงก้าวเข้ามาสะกิดใจว่า จงตื่นเถิดเรา เวลาของเรามีแค่ 24 ช.ม. ทุกคนต่างออกวิ่งและแข่งขัน หากเราหยุดวิ่งแม้แต่นาทีเดียว เราอาจไปไม่ถึงฝัน แล้วฝันเราคืออะไรล่ะ แต่บางครั้งก็เคยย้อยคิดว่าการที่คนเราต้องออกวิ่งตลอดเวลา จะทำให้เราไปถึงฝันได้จริงหรือ

ความฝันของคนกลุ่มหนึ่ง มันเป็นความจริงของคนอีกกลุ่มหนึ่ง เราตามหาฝันเสมือนว่าเราตามหาชีวิตที่แท้จริงของคนอีกกลุ่มหนึ่ง แต่นั้นก็หมายความว่าตัวเราก็ยังอยู่ในโลกแห่งความจริง

หลายปีก่อนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งออกเดินทางตามหาฝัน และเสียงเรียกของหัวใจ บนเส้นทางรถไฟบุรีรัมย์ ศรีษะเกษ จุดหมายปลายทางแรก สถานีรถไฟ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ หลังจากที่นั่งรถมาหลายชั่วโมงในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง ทุกคนต่างรู้สึกดีใจที่ได้เจอผู้ใหญ่บ้านที่มารอรับถึงหน้าสถานี ทุกคนต่างยืดเส้นยืดสายจากอาการเหนื่อยและเหนื่อยล้าที่อยู่บนรถไฟนานๆ ทุกคนสะพายเป้บนหลัง พร้อมกับมือทั้งสองข้างถือสัมภาระพะรุงพะรัง แต่หลังจากที่ดีใจไม่นานลุงผู้ใหญ่บ้านก็เรียกพวกเราขึ้นรถสองแถววิ่งออกจากสถานีมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านหนองหว้า ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติและทุ่งนา ยังคงความเป็นธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันนี้หาดูได้ยากแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราตื่นขึ้นมาพ้อมกับมิตรภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของกลุ่มอาสากับชาวบ้าน ครูและเด็กๆ

ตลอด 1 สัปดาห์ กลุ่มอาสา ชาวบ้าน ครูและเด็กๆโรงเรียนบ้านหนองหว้าต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพัฒนาโรงเรียนและชุมชน ทุกคนเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม.........

ความตื่นเต้น ความกังวล เริ่มจาง หายไปกลายเป็นความสุข สนุกเข้ามาแทนที่ มิตรภาพอันงดงามที่ได้รับจากชาวบ้านคุณครู และเด็กๆ คำว่า ได้คะพี่ อร่อยค่ะพี่ สนุกค่ะพี่เป็นคำพูดที่ได้ยินเสมอ ไม่ว่าจะร่วมกิจกรรมอะไร เด็กๆใช้ใจในการรับฟังเสมอ และร่วมปฏิบัติและใช้ใจ ในตอนนั้นทำให้ย้อนคิดว่าต่างจากพวกเรา.ที่ทำสิ่งต่างๆเพียงเพื่อหน้าที่ บางครั้งความสุขความอิ่มเอมกลับมาได้ง่ายๆและอยู่ใกล้ๆกับตัวเราเสมอ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ค่อยๆ จางหายไป กลับกลายเป็นความตื่นตัน ความภาคภูมิใจ และคำร่ำลาและคราบน้ำตาของความคิดถึงของกันและกัน

เสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูป เป็นสิ่งสุดท้ายที่จารึกภาพความทรงจำที่พวกเรากลุ่มอาสามีต่อชาวบ้าน ครูและเด็กๆ ณ. หมู่บ้านหนองหว้า แต่ความรู้สึกและความคิดถึง คงไม่มีกล้องตัวไหนจะสามารถบันทึกไว้ได้นอกจากเสียงหัวใจของกันและกัน

4 ความคิดเห็น:

  1. การแบ่งปันแม้เพียงแค่ร้อยยิ้ม....กลับมีความหมายและมีคุณค่าต่อจิตใจยิ่งนัก

    ตอบลบ
  2. ความรักคือการปรารนาดีต่อกัน แต่ความปรารถนาดีอาจจะแสดงได้หลายแบบ อาจไม่ใช่คำพูดหวาน ....แต่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะเลือกให้กัน

    ตอบลบ
  3. การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ถือเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ ขอแค่เรามุ่งมั่นตั้งใจอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

    เป็นกำลังใจ..

    ตอบลบ
  4. ความรักอาจมีทั้งสุขและทุกข์ผสมผสานกันไปแต่ถ้าเรารู้จักรักที่ไม่ต้องครอบครองเราจะไม่เกิดทุกข์และให้อภัยในทุกสิ่ง ที่ทำเราเศร้า.....หรือเปล่า

    ตอบลบ