25 ต.ค. 2552

ดอกปีบ....๒

ดอกปีบกับสายลมหนาว

ย่างเข้าสู่เดือน ๑๑
สายลมหนาวแรกได้พัดผ่านมาทายทัก พร้อมหอบเอาความเย็นของอากาศมาสัมผัสลูบไล้ผิวกายและใจ
ขณะกำลังทายทัก ทำความรู้จักเพื่อให้คุ้นชินกับสายลมหนาวนั้น พลันได้กลิ่นหอม ลอยมาพร้อมกับสายลม
กลิ่นหอมๆ คุ้นๆ ……….
ไม่ต้องสงสัยนานหรอกนะ เพราะเจ้าตัวกลิ่นหอม เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าที่มาของความหอมนั้น
ได้ร่อนตัวลงมานอนอวดโฉม อยู่เบื้องหน้าแล้ว
กลิ่นหอมๆ คุ้นๆ คือกลิ่นของเจ้าดอกปีบสีขาว ก้านยาวนี้เอง
“เจ้าดอกปีบ” ดอกไม้ที่คุ้นเคยตั้งแต่จำความได้

.....................................................................................................

เดือน ๑๑ หรือช่วงเดือนตุลาคม หรือช่วงปลายฝนต้นหนาว
เจ้าดอกปีบสีขาวต่างออกดอกโชยกลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุน แทรกตัวกับสายลมหนาวอย่างอ่อนโยน

เจ้าดอกปีบ หรือกาสะลอง หรือก้านของ ล้วนหมายถึงเจ้าดอกไม้สีขาว ก้านยาว กลิ่นหอมกรุ่นๆ นี้
ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใคร่เรียกชื่อใด

ด้วยความงดงามง่ายๆ สบายตา กลีบดอกสีขาว ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ก้านยาว อยู่รวมกันทั้งดอกตูมและบาน
เป็นช่อหรือพวงที่มีรูปร่างออกกลมๆ นิดๆ
ดอกปีบแต่ละดอกจะค่อยๆ ผลัดกันแย้มกลีบผลิบาน คลี่ความหอมให้กระจายตามสายลม
ยามเมื่อสายลมพัดต้อง เจ้าดอกปีบก็โยกเอนเต้นรำตามแรงลม พร้อมส่งกลิ่นหอมๆ มาให้เราสูดดม
เมื่อแรงลมพัดผ่านไป ดอกปีบบางดอกโบกมือลาผองเพื่อนในช่อ แล้วทิ้งตัวร่วงหล่นจากต้นลงสู่เบื้องล่าง
แต่ยังคงความหอมไว้ให้ชวนหยิบขึ้นมาเชยชม

ดอกปีบที่ร่วงหล่น นอนเหยียดก้านขายาวตามพื้นหญ้าบ้าง พื้นดินบ้าง ภายใต้ร่มเงาของต้นที่จากมา
ครั้นจะปล่อยให้เจ้าดอกปีบนอนอาบแดดอยู่อย่างนี้ ก็นึกเสียดายความสดและความหอม
จึงเก็บรวบรวมเจ้าดอกปีบที่ร่วงหล่น
เอาก้านขายาวนั้นใส่แก้วอย่างบรรจงแล้วเติมน้ำลงไปเพื่อคงความสดและความหอมให้ยาวนาน
จะวางไว้ที่มุมใดของบ้าน มุมใดของห้องทำงาน ก็จะห้อมฟุ้งอย่างทั่วถึงล่ะ

ความสดและความหอมของดอกปีบ ใช่ว่าจะเก็บรักษาให้คงอยู่ได้ยาวนานหรอกนะ
เพียงชั่วข้ามคืน
ก้านขายาวที่เคยเขียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
กลีบดอกที่เคยเหยียดตรงด้วยความสดก็พลันเหี่ยวแห้งลู่ลงตามก้านดอก แต่ยังคงความหอมจางๆ ไว้
ครั้นจะเก็บความหอมของเจ้าดอกปีบ โดยนำมาวางแนบไว้กับหน้าหนังสือ ก็สุดแสนทรมานใจยิ่งนัก
ที่กลีบขาวๆ อวบๆ ถูกกดทับจนแบน แล้วสีขาวก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเหลืองและดำที่สุด

.............................................................................................
เจ้าดอกปีบเอ๋ย ใยเจ้าบอบบางเช่นนี้ หรือมันเป็นความธรรมดาของเจ้าเสียแล้ว
ที่จะงดงามเพื่อเติมความหอมหวานผ่านสายลมสู่หมู่ชนเพียงเวลาสั้นๆ แล้วก็จากไป เหลือทิ้งไว้คือความทรงจำ

เช่นเดียวกับสายลมหนาว ที่เมื่อย่างก้าวเข้าสู่เดือน ๑๑
ก็เริ่มหอบเอาความหนาวมาเยือนให้ไขว่ขว้าหาความอบอุ่น แต่เพียงเวลาไม่นาน ก็จะเปลี่ยนไปสู่ฤดูกาลอื่น

ไม่ว่าดอกปีบจะแย้มบานแล้วร่วงโรย หรือสายลมหนาวพัดมาแล้วก็พัดไป ทั้งสองต่างก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด

แล้วตัวเราล่ะ ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดของเราแล้วหรือยัง?

และอย่าลืมนะว่า....
สายลมของเดือน ๑๑ มาเยือนแล้ว
ถือเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าต้องรีบเร่งหาสิ่งที่จะมาบรรเทาความหนาวของฤดูกาลได้แล้ว
ดูแลสุขภาพกายและใจด้วยนะ
แล้วเราจะมีความสุขกับฤดูหนาวอย่างหอมหวานดังกลิ่นดอกปีบ

2 ความคิดเห็น:

  1. ผู้ที่ประกอบกรรมดี แม้สังขารจะร่วงโรยเปลี่นไป แต่ความดีที่ทำยังคงตราตรึงในดวงใจของทุกคน

    ตอบลบ
  2. ไอสไตร์ก้เช่นเดียวกันเลือกที่จะไม่เป็นประธาธิปดี แต่เลือกที่จะค้นหาความจริงทางวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นสิ่งที่อยู่คงทนกว่าแม้ตัวจะจากไปนานแสนนานชั่วนิจนิรันด์

    ตอบลบ