26 ต.ค. 2552

มอเตอร์ไซด์ไหม่

มอเตอร์ไซด์ใหม่

ในที่สุดความฝันของพ่อก็เป็นจริงเมื่อแม่ให้กำเนิดน้องชายตัวเล็ก เพราะนั้นคือสิ่งสำคัญที่พ่อต้องการในชีวิตของพ่อคือลูกชายไว้สืบสกุล ทุกคนดูจะรักและเอ็นดูน้องมาก รวมทั้งตัวของน้ำเองด้วย เวลาผ่านไปน้องอายุได้ประมาณ 2 ขวบกว่ากำลังน่ารักน่าหยิกเลยทีเดียว ช่วงนั้นเป็นปลายฤดูหนาว ชาวนาส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในชนทบตามทุ่งนาจะมีต้นพุดทราเยอะมาก ขณะนั้นพ่อกับแม่กำลังช่วยกันเกี่ยวหญ้าในนาเพื่อจะเอาไว้ให้ควายในคืนนี้ น้ำซึ่งมีหน้าที่ดูแลน้องชายตัวเล็กจึงชวนอิ๋วหลานสาวไปเก็บพุดทราในนาของตาพงษ์ที่อยู่ติดกัน จริง ๆ แล้วเดินไปก็ถึงแต่ด้วยเพราะเห่อมอเตอร์ไซด์คันใหม่จึงให้น้องนั่งข้างหน้าและหลานนั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง
พร้อมกับถือถังใบใหญ่เพื่อที่จะเก็บพุดทรา พอมาถึงอ้อยและอิ๋วก็ช่วยกันเก็บแม้แต่น้องชายตัวเล็กก็ยังอยากช่วย เมื่อได้มากพอสมควรแล้วก็ชวนกันกลับ ทุกคนนั่งประจำที่อ้อยทำหน้าที่คนขับที่ดีเช่นเคย ขณะที่กำลังจะเลี้ยวเข้าไปยังเถียงนาเพื่อนำรถไปจอดไว้ที่เดิม อาจจะด้วยความประมาท วุฒิภาวะยังไม่ถึงหรือประสบการณ์น้อยก็ไม่รู้ ถนนที่จะเข้าไปนั้นไม่ได้เป็นเส้นตรงแต่เป็นเส้นโค้งเหมือนรูปตัวเอส (
S)และระหว่างโค้งก็จะมีบวกควาย แต่มันแห้งแล้วไม่มีน้ำ พอถึงโค้งสุดท้ายล้อหน้าจะพ้นแล้วแต่ล้อหลังเจ้ากรรมกับไม่พ้นทำให้รถเสียการทรงตัวล้มไม่เป็นท่า ด้วยความตกใจอิ๋วที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ก็โยนถังพุดทราทิ้งพร้อมกับกระโดดลงจากรถ ส่วนน้องชายที่นั่งอยู่ข้างหน้า รถลงท่าไหนเขาก็ลงไปในท่านั้นด้วยและซ้ำยังโชคร้ายเจ้าแฮนด์มอเตอร์ไซด์ดันไปโดนปากของน้อง
ทำให้ปากแตกเลือดไหล ปกติก็ตกใจอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าปากแตกยิ่งทำให้น้องร้องเสียงดังมากยิ่งขึ้น ทุกคนพอได้ยินเสียงรีบวิ่งมาดูน้อง พร้อมกับเสียงบ่นของพ่อกับแม่ตามมาว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องต้องเป็นแบบนี้ ทุกคนดูเหมือนจะเป็นห่วงน้องมาก ไม่มีใครถามน้ำเลยซักคำว่าเจ็บตรงไหน เป็นยังไงบ้าง น้ำพยายามจะลุงขึ้นยืน อาจจะเป็นเพราะรีบเกินไปจึงทำให้รู้สึกมึนหัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม น้ำจึงต้องนั่งลงเหมือนเดิมเพื่อตั้งหลักก่อน พ่อกับพี่สาวพาน้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์กับเข้ามาทำแผลในหมู่บ้าน ส่วนอิ๋วก็ไม่รู้หายไปไหน น้ำจึงค่อย ๆ เดินกลับเข้ามาในหมู่บ้าน ระหว่างที่เดินอยู่นั้นแม่ก็เดินตามหลังมา น้ำนึกในใจว่าแม่จะต้องถามแน่ ๆ ว่าเป็นยังไง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า น้ำเตรียมคำตอบไว้ในใจเพื่อที่จะบอกแม่ว่ารู้สึกเหมือนจะเป็นลมและแน่นหน้าอกมาก แต่น้ำก็ต้องผิดหวังพอแม่เดินมาถึงแม่ก็เดินแซงหน้าน้ำไปเหมือนกับรถที่กำลังเปิดไฟเพื่อขอแซง พอแซงได้ก็เร่งความเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา อย่าว่าแต่ถามเลยแม้แต่หน้าแม่ก็ยังไม่หันมามองด้วยซ้ำ อย่างน้อยโดนแม่ด่าก็ยังดีกว่าแม่ไมพูดอะไรเลย น้ำได้แต่เก็บความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ อีกใจหนึ่งก็คิดว่าสมควรแล้วที่ต้องโดนแบบนี้เพราะทำให้น้องต้องเจ็บตัว แม่คงจะรีบไปดูน้องเลยลืมถามเรา พอเดินมาถึงบ้านยายจุ่นซึ่งอยู่ติดกับบ้าของน้ำ ย้ายจุ่นจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า พอสิ้นเสียงเท่านั้นแหล่ะน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลพรั่งพรูออกมา ยายจุ่นเห็นจึงดึงน้ำเข้าไปกอดพร้อมกับพาไปหาหมอธรรม ซึ่งสมัยก่อนชาวบ้านเชื่อว่าถ้าไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข่ ต้องไปหาหมอธรรม ให้ทำน้ำมนต์ให้ดื่มแล้วจะหาย น้ำรู้สึกดีขึ้นมากแต่ไม่ใช่เพราะน้ำมนต์ของหมอธรรมหรอกนะ แต่เพราะได้ระบายความรู้สึกออกมาด้วยน้ำตานั้นเอง แต่ในเวลานั้นน้ำก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมแม่จึงไม่ถามสักคำ แต่ยายจุ่นเป็นคนอื่นด้วยซ้ำเขากับถามไถ่หวงใยในตัวน้ำ

แล้ววันนั้นน้ำก็อยู่บ้านกับยายจุ่นจนมืดเพราะไม่กล้ากลับบ้าน กลัวหลาย ๆ อย่าง จนกระทั้งพ่อให้พี่สาวมาตามจึงได้กลับเข้าบ้าน และในใจก็ยังคงถามคำถามเดิม คือ แม่ทำไม่ไม่ถามเรา? ทำไม?...............................

พรรณทิพย์พา ทองมี:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น