เวลาชีวิต
วัยเด็ก เรามักจะเอาแต่ใจตนเอง อยากได้อะไรเราก็ขอพ่อแม่
ถ้าเขาไม่ให้ก็ร้องไห้ หรืองอน ไม่กินข้าว
หรือมีปฏิกิริยาที่แสดงว่าไม่พอใจนะ
บางครั้งถึงกับไปเล่นที่ไกลๆ คนเดียวให้พ่อแม่ตามหาเสียวุ่นวาย
วัยรุ่น เรามีความฝันของตนเอง
บางคนอยากจะอ่านหนังสือ
เพราะหนังสืออาจจะเป็นสิ่งที่จะทำให้เรามีความรู้
และเข้าใจอะไรมากขึ้น หนังสืออาจจะช่วยเราให้ได้ไปอยู่ที่อื่น
ที่ที่ไม่มีเสียงของคนในบ้านบ่น และเห็นสิ่งเดิมๆ ในบ้าน
ท้าทายให้เราอยากออกไปสู่โลกกว้าง ออกจากอ้อมอกของพ่อแม่
และอยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เราอยากรู้เพิ่มเติม
เราอยากรู้นั่น รู้นี่มากมาย
เงิน เป็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นความฝันตอนที่เราพร้อมที่จะทำงาน
เราอาจคิดว่าทำงานเพื่อเงิน จะได้ช่วยตัวเองและคนอื่นด้วย
และคิดว่าเงินจะทำให้เรามีความสุข คนอื่นก็มีความสุข
อารมณ์ พอใจ ไม่พอใจ ไม่ชอบ ชอบ สุข ทุกข์ อารมณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาเมื่ออยู่ใน
โลกและอยู่ร่วมกับคนอื่น เราคิดแต่เพียงฝ่ายเดียวว่า เขาช่างเป็น
คนที่แย่ ไม่น่ารัก ไม่อยากคุยด้วยเลย
เวลาของชีวิต เวลาชีวิตได้บอกเราว่า
ทุกอย่างที่มากระทบเรา มันอยู่ที่ความคิดของเรา
ไม่ใช่อยู่ที่คนนั้น คนนี้ คนโน้น หรือสิ่งนั้น สิ่งนี้ สิ่งโน้น
มันอยู่ที่ใจเรา ความคิดของเราทั้งหมด
ถ้าเราจะไม่เอามาใส่ใจก็ได้ เราจะไม่โกรธก็ได้
ถ้าเราจะช่วยเปลี่ยนแปลงเขาก็ได้ ถ้าคิดว่าเขาพร้อมที่จะเปลี่ยน
แต่ขึ้นอยู่กับพลังของเรา ความพยายามของเรา
ว่าจะทำให้เขาเปลี่ยนได้หรือไม่ เราปรารถนาดีต่อเขาจริงๆหรือเปล่า
เจ็บป่วย ไม่มีใครจะไม่เจ็บป่วย แต่พลังใจสำคัญที่สุด
ถ้าเราคิดว่าเราเจ็บมาก เราก็จะเจ็บมากๆ
ถ้าเราคิดว่าเราเจ็บ แต่เราทนได้ เราก็จะทน และไม่เจ็บ หรือหายเจ็บ
ฟัง อ่าน(เรียนรู้) เมื่อได้ฟัง อ่าน และเวลาชีวิตผ่านไป
โดยเรียนรู้ผ่านสมองที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งมนุษย์มีสมองที่พิเศษ เหนือสัตว์ใดๆ
เราไม่ได้เป็นอย่างนี้ ทุกข์อย่างนี้ เจ็บอย่างนี้ เพียงคนเดียว
แต่มีเพื่อนร่วม ทุกข์ เจ็บ และตายเหมือนเรา
เขาก็อยากมีความสุขเหมือนเรา
เราจะมีวิธีบอกให้เขาคลายทุกข์ คลายโศก
และลุกขึ้นมาสู้ชีวิต ทำสิ่งที่สร้างสรรค์
ก็ขึ้นอยู่กับเราอีกเช่นกัน ว่าเรามีพลังแค่ไหน
ร่างกายและจิตใจ เวลาชีวิตได้บอกเราว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา
เพราะสักวันเขาก็จะไปจากเรา
เราก็แค่บำรุงให้ได้อยู่สร้างประโยชน์เท่านั้น
แม้แต่ใจของเราก็ยังจะไม่ใช่ของเรา
เพราะใจมักจะไปรับทุกข์ รับสุขมา
บอกไม่ให้ทุกข์ มันก็ยังทุกข์ เครียด
ใจเสวยอารมณ์ทุกข์ เป็นเหตุให้กายก็ทุกข์
เจ็บป่วย นอนไม่หลับ
ใจเรามักจะมองออกไปข้างนอก
ไม่มองมายังตัวเอง ไปรับอารมณ์ข้างนอก
เรียกว่าสติไม่อยู่กับตัวเอง
ถ้าสติอยู่กับตัวเอง อยู่กับกายและใจนี้
ความทุกข์เราจะน้อยลง ความฟุ้งซ่านจะน้อยลง
อิจฉา อยากได้เงิน โกรธ จะลดลง
เพราะคิดเมื่อไหร่ อารมณ์มากระทบเมื่อไหร่
เราจะรู้และให้มันวางทันที ไม่ยอมให้ใจเสวยอารมณ์เด็ดขาด
แม้กระทั่งอารมณ์สุขก็ตาม เพราะจะทำให้ใจติดสุข
ถ้าใจติดสุข เมื่อเวลามีทุกข์ เราก็ตายเมื่อนั้น
เวลาชีวิตที่เหลือ เรารู้แล้วว่ากายไม่ใช่ของเรา ตัวตนเราไม่มี
ใช่ว่าเราจะอยู่ให้กายแตกดับไปเฉยๆ ก็ไม่ใช่
เราจะอยู่เพื่ออะไร เพื่อประโยชน์ตนเอง
หรือเพื่อประโยชน์คนอื่น ถ้าเพื่อประโยชน์คนอื่น
อะไรที่เราจะทำเพื่อประโยชน์คนอื่น
เวลาชีวิตของแต่ละคน คงจะตอบคำถามของตนเองได้
คำตอบไหนก็ไม่ผิดไม่ถูก อยู่ที่เราที่จะตัดสินใจเอง
ซีรีส์ "ปฏิรูปการศึกษา" ณ โรงเรียนนอกกะลา
-
ช่วงคุย กับครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง
*ถาม : อยากให้เด็กจบจากที่นี่ เป็นเด็กแบบไหน สอบติดมหาวิทยาลัยดังๆ หรืออะไร*
* ครูใหญ่ : เราก็ไม่รู้ว่า อนาคตอาชีพไหนจะยังร...
จงเป็นสุขเป็นสุขเทอญ สาธุ
ตอบลบอืม..... ประทับใจมากครับ เพิ่มอีกนิดครับ ธรรมะวันละนิดจิตแจ่มใส
ตอบลบจากประโยคที่ว่า กายนี้ไม่ใช่เรา เห็นด้วยครับ ... ขอขยายความนิดหนึ่งครับบางท่านอาจจะงง ที่จริงแล้วกายที่เห็นนี้เพียงแต่ตั้งอยู่และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ ซึ่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็ยืนยันข้อนี้ด้วยครับ หากเรารู้จัดอนุภาคคาร์กดีคือ ซึ่งโดยConcept ทา่งวิทยาศาสตร์ ร่างกายนี้เกิดจากสิ่งที่ไม่มีตัวตนอักตัวกันแน่น ซึ่งเชื่อไหมว่าในร่างกานเรามีช่องว่างกว่า 90 % (เพราะอะตอมมีความว่าง 90 % อย่างน้อน) ขอบคุณบทความครูแสงที่ช่วยยกระดับจิตใจ
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ตอบลบแต่ทั้งสองอย่างนั้นเป็นสังขาร
ซึ่งร่วงโรย แปรปรวน ได้โดยตลอด