สุขคือ...ทุกข์ให้น้อยลง

ผู้อ่านคงเคยได้ยิน "ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ" สิ่งที่เราคิดและสิ่งที่เราจินตนาการ ถ้าใจเป็นสุขทุกอย่างก็เป็นสุข ถ้าใจเป็นทุกข์ทุกอย่างก็เป็นทุกข์ เวลาที่เราจะใช้งานเครื่องมืออะไรสักอย่าง โดยทั่วไปแล้วก็ต้องอ่านข้อมูลทั่วไปก่อนว่าจะใช้งานอย่างไร เช่น ถ้าหากเราซื้อคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่ง ก็จะอ่านทำความเข้าใจว่าคอมพิวเตอร์นั้นใช้งานอย่างไร นึกย้อนกลับไปตอนที่เราใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก ต้องเรียนแล้วเรียนอีก อ่านคู่มือแล้วอ่านคู่มืออีกกว่าจะสามารถใช้งานมันได้

แล้วคุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า...ทำไมคนเราเกิดมา ถึงไม่มีคู่มือในการกำหนดใจ และกำหนดความคิดของเรา คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่างลองผิดลองถูก ก็เหมือนกับการใช้คอมพิวเตอร์โดยที่ไม่ได้ศึกษาหรือเรียนรู้มันมาก่อน เราต้องลองกดโน้นกดนี่และรอดูว่าผลจะเป็นอย่างไร คุณลองคิดดูสิว่า..จะดีมั้ยถ้าเรามีคู่มือในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะการกำหนดแนวคิด และวิธีคิดเพื่อจะทำให้ใจเรามีความสุข และประสบความสำเร็จได้ ทั้งสุขภาพ ครอบครัว และการงาน

หลักความเชื่อของศาสนาพุธบอกไว้ว่า เหตุที่ทำให้เกิดความสุขนั้นก็คือ อยู่กับปัจจุบันขณะ ปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ควบคุมความอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลัก "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร" ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น
อริยสัจ 4 เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และว่าด้วยเรื่องทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งแท้จริงแล้วคือทางเดินไปหาคำว่า "ความสุข" เพราะเมื่อไรที่เรากำจัดความทุกข์ได้แล้ว ความสุขก็จะเกิดขึ้นทันที

"สุขคือ..ทุกข์ให้น้อยลง"

อุปสรรคของความสุขคือ แรงปรารถนา และตัณหา คนเราจะมีความสุขนั้นไม่ได้ขึ้นกับ "เรามีเท่าไร?" แต่ขึ้นอยู่กับ "เราพอเมื่อไร" ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนสิ่งของที่เรามีหรือเราได้..

"ลองถามตัวเอง..วันนี้คุณพอแล้วหรือยัง?"

ดังนั้นวิธีที่จะมีความสุขอันดับแรกคือ..เราต้อง "หยุดให้เป็นและพอใจให้ได้" เพราะถ้าเราไม่หยุดความอยาก(ที่มากเกินไป) เราก็จะตองวิ่งไล่ตามหลายสิ่งที่เราอยากได้แล้วนั้น จะทำให้คุณรู้สึกว่ามันเหนื่อยและความทุกข์ก็จะตามมา

ความสุขคือ "การมองทุกอย่างในแง่บวก" ทั้งนี้ขอยกตัวอย่างที่เห็นเรื่องการทำงานนะคะ หลายๆคนเคยมีเรื่องไม่สบายใจ ทุกข์ หรือมีเรื่องให้ลำคาญใจ ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายคอมเม้นงาน มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งถ้าเราโมโหหรือนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นอารมณ์ ไม่ชอบเจ้านาย ไม่ชอบเพื่อน ไม่อยากทำงาน และอยากเปลี่ยนงาน เมื่อนั้นก็จะทำให้เราเกิดทุกข์ แต่ถ้าเมื่อไรเรามองเรื่องนั้นๆในแง่ดี ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เราคิดว่าไม่ถูกหรือไม่ใช่ อย่างน้อยรับฟังก่อน จากนั้นค่อยปรับใช้ให้เหมาะกับเรา คิดเสียว่าเจ้านายและเพื่อนๆของเรารักเราและเป็นห่วงเรา เขาจึงสนใจและช่วยให้คำแนะนำเรา เมื่อคิดได้ดังนั้นก็จะทำให้เราเป็นสุขได้

ในแต่ละวันเราต้องเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย มีทั้งเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกดีและเรื่องที่ทำให้เราทุกข์หรือเศร้าใจ แต่ถ้าเราอยากมีสุขเราสามารถเลือกได้ โดยมองแต่สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก เพื่อที่ใจเราจะได้เป็นบวก คิดถึงสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้ และสิ่งดีๆที่เราได้ทำ...

ต่อมาคือ "การให้" ซึ่งหมายรวมถึงการให้ในรูปแบบสิ่งของหรือเงิน ที่เรียกว่า "การบริจาค" และการให้ความเมตตากรุณาต่อกัน ให้อภัยทั้งตนเองและผู้อื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เราสุขใจและมีความสุข

"การปล่อยวาง" ในทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรงหรือทำให้เราทุกข์ใจ เศร้าใจเพียงใด ขอให้ทุกท่านเชื่อว่าเวลาจะพัดพาไปจากเราเอง ไม่ช้าก็เร็ว เราจะผ่านพ้นไปได้ขอเพียงแค่เราคิดดีทำดีเท่านั้นพอ...

และที่สำคัญ "ยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต" ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบหรือไม่เป็นไปตามที่เรามุ่งหวัง จะผิดหวัง
สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราทุกคนต้องได้ผ่านบททดสอบนี้ทั้งสิ้น ดังนั้นคุณต้องเลือกแล้วว่าคุณจะเป็นอย่างไร จะเลือกเก็บความทุกข์หรือความสุขให้กับตนเอง...

ทั้งนี้ขอให้ทุกท่านรักษาใจให้เป็นสุขอยู่เสมอ เพราะทุกสิ่งอย่างเราสามารถเลือกได้อยู่ที่การกระทำของเรา ลองใช้ใจของเราสัมผัส และใช้จิตที่ดีของเราเป็นคู่มือในการปฏิบัติเพื่อให้พ้นทุกข์...ค้นหาความสุขโดยการลดความทุกข์ต่างๆของตัวเราเอง

"สุขคือ..ทุกข์ให้น้อยลง"

ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านพบแต่ความสุขตลอดไป...((",))