ซีรีส์ "ปฏิรูปการศึกษา" ณ โรงเรียนนอกกะลา
-
ช่วงคุย กับครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง
*ถาม : อยากให้เด็กจบจากที่นี่ เป็นเด็กแบบไหน สอบติดมหาวิทยาลัยดังๆ หรืออะไร*
* ครูใหญ่ : เราก็ไม่รู้ว่า อนาคตอาชีพไหนจะยังร...
27 ต.ค. 2552
วันวาน
ท่ามกลางความเงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงหรีดหริ่งเรไรส่งเสียงร้อง ชายชราใช้สองมือที่แห้งเหี่ยวกดลงบนฟูก และค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากเตียงเก่าๆ มองท้องฟ้าที่มืดมิดพร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ทุกอย่างหยุดนิ่งและเขาค่อยๆเคลื่อนไหวช้าๆด้วยไม้เท้าขนาดพอดีมือ อากาศเริ่มหนาวเย็นในยามสนธยา คงมีเพียงเสียงสะอื้นไห้ในหัวใจของชายผู้ทรนงองอาจในอดีต ............
ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอ ส่งผลให้โรคภัยไข้เจ็บได้มาเยือนตามธรรมชาติของอายุขัย สังขารที่ร่วงโรยเปรียบเสมือนใบไม้เหลืองที่เหี่ยวเฉา รอวันร่วงหล่นลงจากต้น..... ชายชราเฝ้ารำพึง รำพัน ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดอายุ 80 กว่า ปี มองย้อนกลับไปเมื่อตอนเป็นเด็กชาย ทุกอย่างช่างดูสดใส สนุกสนานเมื่อได้เล่น....พอย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ....ความคึกคะนองยังคงโลดแล่นอยู่ในหัวใจ มีความหวัง มีความฝันอันยิ่งใหญ่และพร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยใจที่มุ่งมั่น.....เป็นวัยแห่งการแสวงหาซึ่งความรัก มีความปรารถนาอันแรงกล้า และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงง่ายๆ.....เมื่อมีความรักและตกลงปลงใจอยู่ร่วมกับคู่ชีวิต....ต่างคนต่างมีความตั้งใจที่จะทำชีวิตครอบครัวให้ดีที่สุด เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง สองคนรับภาระที่ต้องแบกไว้ร่วมกัน ฝ่ายชายซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว...ต้องเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง พร้อมไปกับการแสวงหาซึ่งอำนาจ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ .และ......ในที่สุด......... ความสำเร็จก็สัมฤทธิผลดังปรารถนา.....
ทุกอย่างได้ถูกลิขิตแล้ว ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในความฝัน ชีวิตกำลังโชติช่วงชัชวาลเปรียบดังดาวจรัสฟ้าในยามค่ำคืน จากบุคคลที่ไร้ซึ่งชื่อเสียงเรียงนาม กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบัดดล ถูกแวดล้อมไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ผู้คนที่เข้ามาพานพบให้ความเคารพศรัทธา ภาพของนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ผุดขึ้นมาในจิตรู้สำนึกอีกครั้ง ชายหนุ่มผู้ทะนงองอาจ อิ่มเอมอยู่กับศักดินาที่ได้รับ ลุ่มหลงกับอำนาจวาสนา เขาได้ดำเนินชีวิตไปด้วยความสุข ไร้ซึ่งเครื่องกังวลใจในขณะนั้น ..... “ใคร่อยากได้สิ่งใดต้องได้สิ่งนั้น ไม่มีอะไร ที่ผู้ยิ่งใหญ่ต้องการแล้วจะไม่ได้” การแสวงหาตามความปรารถนาแห่งชีวิตยังคงดำเนินต่อไป เมื่อมีสิทธิที่จะเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการ ความเห็นแก่ตัวเองย่อมมีอิทธิพลมากกว่าการนึกถึงผู้อื่น กาม กิน เกียรติ ยังคงหอมหวานเย้ายวนใจยิ่งนัก เกิดความเบื่อหน่ายในรูปโฉมที่คลายความงดงาม ตรึงใจไปตามกาลเวลา เขาเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์กับคู่ชีวิตที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน และเลือกสิ่งใหม่ทดแทน เพื่อตอบสนองแรงปรารถนาที่ยังกรุ่นอยู่ในกาย ชีวิตครอบครัวได้ขาดสะบั้นลงไปพร้อมกับมิตรภาพของคนสองคน
ชายชราสะอื้นไห้อีกครั้ง เมื่อภาพของชีวิตที่โหดร้ายได้ย้อนกลับเข้ามา ความแก่ชราได้ปรากฏขึ้นและเป็นที่ประจักษ์แก่ตัวเอง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยคำพูดใดๆ ไฟในกายได้มอดดับ เหน็ดเหนื่อยกับการกระเสือกกระสนที่จะเคลื่อนไหวร่างกายและอยากจบชีวิตของตนลงเสียตอนนี้ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ทรัพย์สมบัติมหาศาลสูญสิ้นไป ไม่หลงเหลือผู้คนที่เคยนับหน้าถือตาในอดีต แม้แต่ลูกในไส้ยังรังเกียจเดียดฉันท์ กลายเป็นชายชราผู้ไร้ค่าที่ไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน คงเหลือแต่เรื่องราวรันทดให้คนรุ่นหลังได้เล่าขานสืบไป
สังขตลักษณ์
..................ความเกิด...................
....................ปรากฏขึ้น...................
................ดำรงอยู่...............
................แปรปรวน...............
.................สุดท้ายเสื่อมสลายไป................
(ถ่ายทอดความรู้สึกจากการอ่านพาดหัวข่าว “นายพลถูกทิ้ง”)
ขอให้วันวานของทุกคนเป็นความงดงาม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แล้วสิ่งที่ดีที่สุดที่เราคารทำก่อนตายน่าจะเป็นอะไรดีละ
ตอบลบชีวิตคนเราไม่แน่นอนอยู่ปัจจุบันดีกว่าจมอยู่กลับอดีตที่ผ่านมา
ตอบลบการตายอาจจะแก้ไขปัญหาให้กับตัวเองได้ แต่อาจจะก่อปัญหาให้กลับผู้อื่นด้านหลังโดยเฉพาะคนที่เขารักเรามากที่สุด....มังค่ะ
สิ่งที่แน่นอน คือสิ่งที่ไแน่นอนค่ะ นี่แหละความจริงของชีวิต(หรือเปล่าน้า)
ตอบลบ