16 ต.ค. 2552

เรื่องเล่าจากห้องหกเหลี่ยม ตอนที่ 2

2
ความฝันของผม
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่น่ารัก วันนี้ผมดีใจนะครับที่ได้มีโอกาสถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของผมให้ทุกท่านได้ฟัง ผมก็เป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีความฝันครับ และผมก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปถึงความฝันของผมให้ได้ ผมไม่ได้เป็นคนโอ้อวดนะครับแต่ใครๆเขาก็ชมผมทั้งนั้นแหละว่า ผมน่ารัก ผมฉลาด และผมเก่ง แต่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าอีก 10 ปีข้างหน้าผมจะยังฝันอยากเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ที่ผมมั่นใจแน่นอนคือผมจะไม่หยุดฝันครับ
เรื่องของผมก็มีอยู่ว่า ผมเป็นเด็กดีมีวินัยครับ ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่โดยที่ไม่มีเสียงปลุกจากนาฬิกาหรือเสียงของสาวเหลือน้อยที่เป็นแฟนของพ่อ กระวีกระวาด อาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอรถรับส่ง พอถึงเวลาหลังเลิกเรียนผมก็เล่นอยากสบายใจแล้วก็นั่งรถรับส่งที่มีการ์ตูนสนุกๆให้ดู ชีวิตของผมนี่ช่างมีความสุขเสียจริงๆ....เฮ้อ....เสียงของผมถอนหายใจครับ....จริงๆแล้วผมก็มีเรื่องที่ต้องคิดหลายอย่างเหมือนกันนะครับ ผมไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ทุกวันหรอกครับ พ่อแม่ที่น่ารักของผมต้องออกไปทำงานที่อื่น ผมเข้าใจนะครับว่ามันเป็นหน้าที่ บางครั้งผมก็ย้อนกลับมามองดูตัวเองบ้าง มันก็เป็นหน้าที่ของผมเช่นกันครับที่จะต้องเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เชื่อฟังคุณครู เชื่อฟังผู้ใหญ่ แม้ว่าผมจะล้าเต็มที่แล้วก็ตามกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้
เมื่อวันก่อน คุณครูให้การบ้านผม 3 วิชา มีวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ สองวิชาแรกก็พอทำเนาอยู่ครับแต่ภาษาอังกฤษนี่สิ ทำผมคิดหนักเลย เป็นไงเป็นกัน "สู้โว้ย" ผมรีบกลับบ้าน รีบทำงานช่วยป้านิดๆหน่อยๆ ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเป็นโรคเครียดนะครับ ไม่มีทางแน่นอน ผมออกตระเวนเที่ยวเล่นให้เบิกบานใจจึงกลับมาทำการบ้าน แล้วก็เป็นจริงดั่งคำทำนายชะตาตัวเอง ผมทำภาษาอังกฤษไม่เสร็จครับ ไม่เป็นใครผมจะส่งอย่างที่ผมเข้าใจนี่แหละ ยังไงคุรครูก็ต้องให้คะแนนความพยายามของผมบ้างล่ะ พอผมเอาการบ้านไปส่งคุณครู คุณครูก็มีใบหน้าเปลี๊ยนไป๋พร้อมกับถามผมว่า "เป็นยังไงคะ พ่อหนุ่มน้อย ทำการบ้านภาษาอังกฤษสนุกไหมคะ" คุณครูถามทั้งๆที่รู้ว่าผมทำผิด "คุณครูครับ ผมไม่เข้าใจจริงๆครับ แล้วผมก็ทำการบ้านเองครับ" ผมตอบไปตามตรง คุณครูจึงพูดว่า "ถ้าไม่เข้าใจให้มาถามคุณครูนะคะ คุณครูพร้อมที่จะช่วยพี่เสมอนะ" เพื่อนของผมคนหนึ่งที่มาต่อแถวส่งการบ้านบอกว่า "เค้าน่ะ ให้พ่อเค้าสอน พ่อเค้าเป็นครูภาษาอังกฤษ เค้าก็เลยทำได้" เพื่อนของผมพูดด้วยความภูมิใจ ผมก็ดีใจครับที่เพื่อนผมเค้าโชคดี คุณครูคงจะเข้าใจความรู้สึกของผมนะครับ "คุณครูครับ พ่อผมน่าจะเป็นครเนาะ ผมจะได้เข้าใจภาษาอังกฤษกับเขาบ้าง" ผมพูดเสียงเศร้า คุณครูได้ฟังแล้วจึงพูดว่า "พี่คะ พี่เป็นคนเก่ง ถึงพี่จะไม่ได้มีพ่อเป็นครู พี่เป็นครูของตัวเองได้ และคุณครูก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะ" ต้องขอบคุณคุณครูอีกครั้งนะครับ ที่ให้กำลังใจผม แต่เวลาของผมมีไม่มากพอหรอกครับทีจะเข้าไปหาคุณครูในเวลาว่าง ผมก็จะทำเท่าที่ผมทำได้นี่แหละครับ ผมไม่ต้องเก่งที่สุดก็ได้ครับ
มีหลายเรื่องครับที่เด็กเก่งๆ ซนๆอย่างผมยังทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอารมณ์ การเอาแต่ใจในบางครั้ง และการใช้กำลังกับเพื่อน ผมรู้ทุกอย่างครับ เพราะพ่อแม่ที่น่ารักท่านก็สอนผมทุกอย่าง ทั้งครูใหญ่ที่ผมเคารพและรักท่านมากๆ ตลอดจนคุณครูทุกคนที่รักและห่วงใยผม ตอนที่ผมโดนตักเตือนผมเข้าใจครับว่าผมทำผิดจริงๆ และคุณครูก็รักผมด้วยถึงได้เตือนผม ผมก็รักคุณครูเหมือนกันครับ และผมก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น .....บางเวลาที่ผมเศร้าก็มีบ้างครับ ผมเห็นพ่อแม่ของเพื่อนมารับลูกที่โรงเรียน ผมก็ได้แต่แอบมองแล้วก็เศร้า พอถึงหน้าหนาว แล้วผ้าห่มมันผืนเล็ก ผมก็จะคิดไปเองว่าผมนอนอยู่ใกล้ๆแม่ แต่ไม่จริงหรอกครับผมไม่มีแม้แต่ห้องนอนครับ ผมนอนอยู่ข้างนอกมีแค่ทีวีเป็นเพื่อน ไม่เป็นไรครับดีกว่าคนไม่มีบ้านอยู่ตั้งมากมาย....ผมเป็นคนอารมณ์ดีครับ รักการเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ รักการพูด การแสดงออก คุณครูและเพื่อนๆชื่นชอบมากเวลาที่ผมแสดง และเมื่อมีการแสดงผมรบเร้าคุณครูให้ช่วยโทรศัพท์หาแม่ให้ผม ก่อนที่ผมจะขึ้นแสดงผมก็เห็นกำลังใจที่สำคัญของผมมาถึง ใช่ครับพ่อผมสวมหมวกและใส่แว่นตาดำ แม้ว่าจะยืนอยู่ไกลแค่ไหน ผมก็เห็น แม่ติดงานครับแต่ผมก็ยังมีพ่อที่มาดูผมและรับผมกลับบ้าน วันนั้นผมรีบไปบอกคุณครูด้วยความดีใจ "ครูครับ ผมเห็นพ่อผมแล้วครับ"
ชีวิตของผมในอนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรครับ ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สอง ผมมีความฝันตามที่ผมได้เขียนไว้ตั้งแต่ต้นนั่นแหละครับ ผมอยากสร้างบ้านให้แม่และทุกคนในครอบครัวอยู่ได้อย่างสบาย ผมอยากมีรถยนต์ อยากมีภรรยาที่แสนดี (ผมอาจจะแก่แดดไปนิดนึง แต่ผมฝันแบบนี้หนิครับ) มีลูกที่น่ารัก และผมก็จะเป็นหมอที่เก่งคนหนึ่งเลยครับ (คุณครูอ่านที่ผมเขียนให้เพื่อนฟังด้วย ผมอายแทบแทรกแผ่นดินหนีครับ) ส่วนตอนนี้ผมยังไม่รู้หรอกครับว่าในอนาคตผมฝันอะไรเพิ่มอีก แต่ที่แน่ๆผมรู้สึกว่า ผมอยากเป็นนักแสดง ผมชอบการแสดงบทบาทสมมติ ชอบเล่านิทานภาษาอีสาน ชอบที่จะแต่งตัวเท่ห์ๆ และผมอยากหัดเรียนกีร์ต้าครับ ความฝันของผมจะเป็นจริงหรือเปล่า ไว้ติดตามตอนต่อไปครับ
ก่อนจากกันขอให้คนที่ตั้งใจอ่านเรื่องของผมมีความสุขมากๆกันทุกคน และผมก็จะเป็นคนดีครับขอบคุณมากครับ
คนมีฝัน

5 ความคิดเห็น:

  1. เชื่อว่าเขาต้องทำได้ดั่งฝันแน่ๆค่ะ
    ถ้าความตั้งใจของเขายังมั่นคง
    เป็นกำลังใจให้นะคะ
    ป.ล. ครูอุ แต่งเองหรือเรื่งจริงค่ะ

    ตอบลบ
  2. เรื่องจริงล้วนๆค่ะ ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะน้องสาวคนเก่ง

    ตอบลบ
  3. การที่คนเรามีฝัน และมุ่งมั่นตั้งใจทำตามฝันเเพื่อให้ฝันเป็นจริงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและอีกอย่างคนเราไม่จำเป็นต้องฝันเพียงอย่างเดียวหรือฝันเพียงลำพังและใช่ว่าฝันนั้นต้องยึดติดตายตัวเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขอแค่มุ่งมั้นตั้งใจ เชื่อ ศรัทธาและจดจ่อกับฝันแล้วฝันจะเป็นจริง...สู้ สู้...

    ตอบลบ
  4. จริงๆแล้วน่าสรรเสริญเด็กชายคนนี้นะคะครูอุ๊ที่เขาไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

    เขากลับคิดอะไรดีๆมองทุกอย่างให้เป็นบวก...

    สุดท้าย..ครูน้อยเชื่่อนะคะว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสุข

    และทำทุกอย่างได้ตามฝัน...

    ตอบลบ
  5. ขอแค่ทำจริง ก็จะสำเร็จได้

    ตอบลบ